Tuesday, June 19, 2007

Easy iTunes Home Media Center at Home

Easy iTunes Home Media Center at Home


สวัสดีครับ ทิ้งช่วงไปนานพอดูเลยครับ คงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ก่อนครับ ด้วยเหตุที่ว่าช่วงนี้ติดธุระหนักอยู่พอสมควรเลยทั้งงานราชและงานหลวง ตอนนี้งานเดินไปได้พอสมควรแล้วครับแล้ว และถึงเวลาอันเกินสมควรแล้วที่จะคลอดบทความใหม่ซะทีหลังจากที่ทิ้งช่วยมานาน กลัวคนอ่านจะทิ้งกันไปซะก่อนเพราะเปิดมาก็เจอแต่หน้าเดิม ๆ จริงผมก็อยากโพสอะไรง่าย ๆ เช่นเป็นไงบ้างวันนี้ หรือทักทายกันไปตามเรื่องตามราว แต่ผมเกรงว่า คนอ่านที่หวังจะเข้ามาอ่านบทความที่มีความรู้ดี ๆ กะรู้สึกรำคาญ แต่หากชอบก็บอกได้ครับ ผมจะโพสอะไรแบบนั้นให้บ่อยเลยครับ (ฮิ ๆ)

OK ครับ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ วันนี้ผมจั่วหัวเป็นภาษาอังกฤษซะยาว เนื้อหาก็ตามชื่อเลยครับ Easy iTunes Home Media Center at Home (ไอทูน มีเดียเซนเตอร์ง่าย ๆ ที่บ้านเราครับ) ชื่ออาจจะดูยากนะครับ แต่เรียนว่าง่ายมาก ๆ เลยครับ และไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายครับ เพราะในบ้านเรา ๆ ตอนนี้หลาย ๆ บ้านผมเชื่อว่าเรามีอุปกรณ์ที่ต้องพร้อมอยู่แล้วครับ ขาดแต่วิธีที่จะใช้งานเจ้าอุปกรณ์เหล่านี้เองครับ


เริ่มแรกครับ ผมอยากเกริ่นก่อน ว่าหากเราวางระบบเรียบร้อยแล้ว เราสามารถใช้เค้าทำอะไรเค้าได้บ้าง โดยเบื้องต้นเราสามารถใช้จอ TV ที่บ้านเราเล่น internet,game อันนี้มาจากความสามารถของตัวเครื่อง computer ของเรา แต่ที่เราจะพูดถึงจะเป็นเรื่องของการใช้ iTunes ฟังเพลง ดูหนัง ดู Podcast ฟัง Audiobook และเรายังสามารถเอาตัว content ต่าง ๆ เหล่านี้มา share กันในบ้านได้อย่างง่ายดายด้วย เช่นหากเราเอา Labtop มากางหรือเปิด computer ที่ชั้นสองของบ้านก็สามารถที่จะดูหนังที่อยู่ในเครื่องอื่น ๆ ในบ้านที่เปิด Share กันอยู่ได้ครับ แต่มีข้อแม้นะครับว่าจะไม่สามารถที่จะเปิดดู file ตัวเดียวกันพร้อมกัน เพราะจะทำให้ตัวที่ไม่ใช่เครื่องเจ้าของ file กระตุกครับ

ผมเล่ามานี่ทำได้เยอะแยะเลยครับ ดูแล้วคงยากแต่จริง ๆ แล้วทำได้ง่ายมาก ผมจะของสมมุตินะครับว่าในบ้านเรามีอุปกรณ์ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ครับ เพื่อเป็นการง่ายต่อการความเข้าใจครับ ผมจะสมมุติว่าในบ้านเราต้องการจะดูหนังเล่น internet ฟังเพลง ในห้องนั้งเล่น 1 ห้อง (ในห้องนั่งเล่นมีชุด Home Theater อยู่) แล้วในห้องนอนด้านบนต้องการที่จะทำเหมือนกันกับห้องนั่งเล่น อีก 2 ห้องครับ บ้านเป็นบ้าน 2 และมีเพื่อน ๆ มาเที่ยวบ้านและใช้ Labtop อยู่เป็นครั้งคราวครับ

อุปกรณ์ที่เราต้องใช้ขอแยกเป็นชิ้น ๆ ไปนะครับ



เริ่มแรกด้วยคอมพิวเตอร์

Spec โดยรวมก็ถ้าจะให้ดีก็น่าจะเป็น CPU core 2 จะดี หน่อยเวลาเรา render อะไรเยอะ ๆ จะต้องกินแรง CPU เยอะ ram ก็สักประมาณ 1GB ขึ้นไปจะดีครับ เดี๋ยวนี้ ram ราคาถูกมากครับ ถ้าสามารถจ่ายได้ เติมเป็น 2 GB ไปเลยก็ได้ครับ เวลาเครื่องทำงานจะได้ลื่นอย่างแรงครับ Handdisk คงต้องหาใหญ่หน่อยครับ เพราะจะได้เก็บหนังกับเพลงได้เยอะ ๆ สัก 250GB ขึ้นไปจะดีมากครับ แต่หากคนใหนจะต่อ External HD ก็เป็นความคิดที่เฉียบขาดครับ

GPU ครับเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญที่เราต้องพิจารณาครับ ว่าจะให้แรงมากน้อยเพียงใหนครับ เราจะดูความเหมาะสมเป็นหลักครับ โดยดูว่าตัวใหนสามารถต่อจอได้ใหญ่สุดแค่ใหนจะได้เลือกมาไม่ผิดตัว เพราะมากไปไม่เป็นไรครับ ตามแต่กำลังทรัพย์ครับ แต่หากเราเลือกมาน้อยไปแล้วเอาไปต่อจอใหญ่แล้วมันไม่แสดงผลหรือ ทำได้ไม่ดี เราจะหงุดหงิดครับ เพราะอาจจะต้องเสียเงินซื้ออันใหม่มาประกอบครับ โดบสรุปแรงไม่ว่าแต่อย่าขาดเป็นใช้ได้ครับ

ส่วนประบบปฏิบัติการก็ใช้ได้ทั้ง mac และ PC ครับ ตัว Drive เป็น Combo Drive ขึ้นไปครับ เพราะจะสามารถเล่น DVD และแปลงหนังจาก DVD มาลงในเครื่องได้ครับ ที่เหลือก็ตามแต่ความต้องการครับ ว่าจะให้เค้า Hi-So แค่ใหนครับ ถ้าหากอยากให้เท่ ๆ ใช้งานง่าย ๆ ไปเลยก็เล่น Mouse Keyboard เป็นไร้สายก็จะแจ๋วมาก ๆ ครับ เราจะได้นั้งเล่น internet จาก sofa ในห้องนั่งเล่นกับจอ TV ของเราได้ครับ เท่จะตายไป แต่หากจะใช้ Mouse+Keyboard ไร้สายตัวเครื่องก็จะต้องมี Bluetooth ด้วยครับ เพราะเจ้าอุปกรณ์เหล่านี้เค้าเชื่อต่อด้วย Bluetooth ครับ สำหรับในตอนนี้หากเป็นเครื่องในตลาดที่แนะนำก็จะเป็นสองยี่ห้อครับ ที่เข้าตาทั้งขนาดและ Feature ก็จะเป็น mac mini กับ Acer Slim ครับ เพราะหากเป็นรุ่นอื่น ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ดูจะใหญ่ไปครับ สำหรับห้องนั่งเล่นครับเกะกะน่าดู




จอภาพ

อันนี้เลือกได้ตามความต้องการได้เลยครับ จะเป็น LCD,Plasma,Projecter หรือจะ CRT ก็ตามสบายครับ แต่ผมขอแนะนำวิธีการเลือกไว้นิดหนึ่งครับ อย่างแรกเราก็ดูช่องต่อครับว่า computer ของเราไปได้แค่ใหนครับ โดยหากจะเรียงลำดับความชัดจากน้อยไปหามากจะเป็น composite,S-Video,VGA,component,DVI,HDMI ครับ สองอย่างหลังเป็น Digital ครับอัตราการ Loss ของสัญญาณจะต่ำครับ แปลตรง ๆ ก็คือภาพชัดกว่าครับ และรายละเอียดสูงกว่าครับ ระดับ HD (Hidefinition ครับไม่ใช่ Hardisk แบบที่ผมเคยเข้าใจผิดสมัยก่อนกับกล้อง Video แบบที่มี HD ในตัวกับระบบภาพแบบ HD งงเลยครับตอนนั้น)

ผมจะแถมสูตรคำนวนเอาไปคิดเล่น ๆ ครับ เป็นสูตรคำนวนว่าในพื้นที่เท่านั้น เท่านี้เราสามารถดูหนังได้จอไม่เกินเท่าไรครับ โดยเราเอาระยะห่างระหว่างตากับจอภาพของเราว่ามีระยะเท่าไร หน่วยเป็นเซ็นติเมตร ครับแล้วนำมาหารด้วย 2 แล้วหารอีกทีด้วย 2.54 ครับ จะได้ขนาดจอที่เราสามารถดูได้ใหญ่สุดโดยที่ไม่ทำให้เราตาลายเพราะ Focus ไม่ได้ครับ เหมือนเรานั่งดูหนังในโรงหนังแล้วนั่งอยู่หน้าจอครับ (สูตรนี้ผมได้มาตอนที่ทำงานเป็น ที่ปรึกษาด้าน Home Theater ครับ ใช้คำนวนขนาดจอครับ เพราะตอนนั้นขาย Projector ด้วยครับ ซึ่งรายละเอียดเยอะครับ หากเราเลือกขนาดจอไม่ดี เกิดติดตั้งไปแล้วลูกค้าดูแล้วอ้วกแตก เพราะตาลายจะแก้กันยากครับ)


อุปกรณ์ระบบเครือข่าย

ในส่วนของอุปกรณ์ระบบเครือข่ายนั้น ที่เราต้องซื้อจริง ๆ ก็จะเป็น WiFi router ซึ่งหลาย ๆ บ้านที่ใช้ของ true อยู่แล้วเป็น Home WiFi ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อครับ แต่หากจะซื้อ ก็แนะนำที่เป็นรุ่นใหม่ ๆ หน่อยที่เป็น 802.11n ครับ เพราะเค้าส่งข้อมูลได้ดีกว่า ใกลกว่าและสัญญาณแรงกว่าครับ ในตลาดตอนนี้ก็มีอยู่หลายรุ่นแล้วครับ อย่างเช่น Belkin จำชื่อรุ่นไม่ได้ครับ แต่ราคาอยู่ประมาณ 7 พันกว่า ๆ ครับ หรือของ Apple เป็น Airport Extreme ครับ อันนี้แรงครับ แล้วเราสามารถที่จะต่อ External HD เข้าไปได้ด้วยครับ สำหรับเก็บ file หนังหรือเพลงไว้ในนั้นได้ครับ ราคาอยู่แถว ๆ 7-8,000 บาทครับ ต้องลองเช็คดูครับ



สายสัญญาณต่าง ๆ

อันนี้ในระบบนั้นหลาย ๆ คนอาจจะเห็นไม่เป็นเรื่องสำคัญ แต่ผมกลับไม่คิดอย่างนั้นครับ จากประสบการณ์ที่เคยทำงานในด้านระบบความบันเทิงภายในบ้านมาบ้าง และได้มีโอกาสไปตระเวณลองสินค้าหลาย ๆ ตัวหลายระดับราคา ทำให้เห็นถึงข้อแตกต่างอยู่พอสมควรครับ ระหว่างสายที่คุณภาพไม่ดีนัก กับสายที่คุณภาพดี ๆ ซึ่งเรื่องของราคาก็สามารถที่จะเป็นปัจจัยในการบอกคุณภาพได้อยู่พอสังเขปครับ แต่อยากให้ดูจากยี่ห้อจะน่าเชื่อถือกว่าครับ อย่างสายในระบบที่ใช้นั้น ก็จะมีไล่ไปตั้งแต่สาย HDMI,DVI,Optic,Analog ซึ่งการจะเลือกว่าจะใช้เส้นใหนชุดใหนคุณภาพแค่ใหนนั้น ผมอนุยาติแนะว่าให้ดูจากราคาของอุปกรณ์ในระบบนั้น เช่นราคาหรือคุณประสิทธิ์ภาพของจอ TV หรือเครื่องเสียงที่เราเอามาต่อเป็นหลักครับ เพราะหากเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้ราคาสูงมากนักแต่เราลงทุนสายซะแพงอาจจะดูไม่คุ้มค่ากัน เช่น หากในระบบเป็น LCD จาก Samsung ราคาแพงอยู่ระดับ 5 หมื่นขึ้นไป สายสัญญาณภาพก็ควรพิถีพิถันหน่อยครับ เพราะหากใช้ของไม่ดีภาพมันจะฟ้อง เราดูแล้วจะรู้สึกเสียดายเงินเอาซะดื้อ ๆ แต่หากเป็นดูขำ ๆ อย่าง TV เครื่องละ 9 พัน ก็ไม่ต้องคิดมากครับ ใช้สายรุ่นเล็กสุดของยี่ห้อดี ๆ ก็ได้ครับ แต่อย่าไปซื้อสายประเภทเส้นละร้อยมาใช้นะครับ รับรองดูแล้วหงุดหงิด เพราะภาพจะออก แต่สีอาจจะเพี้ยนได้ครับ ข้อนี้ผมรับประกันครับ ต่อมาก็ขอพูดถึงยี่ห้อสายที่ถือว่าเชื่อถือได้นะครับ ยกตัวอย่างเช่น Monster,Monitor,Kimber,Van Den Hul เป็นต้นครับ นี่เป็นสายที่คุณภาพกับราคาคุ้มค่ากันดีครับ แต่จริง ๆ มีนอกเหนือจากนี้ไปอีกครับ แต่เป็นยี่ห้อแปลก ๆ ราคาไฮโซ ครับ ดูแล้วอาจจะไม่เหมาะ และผิด concept ของบทความนี้ครับ เพราะหากราคามันจับต้องไม่ได้ไง่าย ๆ มันก็ไม่ Easy ครับ


Software ที่จำเป็นครับ

ในส่วนของ Software นั้น ตัวหลัก ๆ อย่างแรกที่ขาดไม่ได้ก็คืือ iTunes ครับ แนะนำว่าเป็น Version 7.2 ไปเลยครับ (ตัวเก่า ๆ ผมไม่เคยลองครับ และตัวใหม่มี feature แจ๋ง ๆ เยอะครับรับรอไม่ผิดหวัง) ต่อมาก็เป็น software ในส่วนของการแปลงหนังจากแผ่นต่าง ๆ เพื่อเอามาดูในเครื่องครับ หากโปรแกรมใน mac ก็จะแนะนำ 2 ตัวครับ อันแรกไว้แปลง DVD คือ Handbrake ครับผมเคยเขียนวิธีการใช้ไว้ก่อนหน้านี้ไว้แล้วครับ หากสังสัยก็ลองย้อนกลับไปอ่านบทความก่อนหน้าที่ได้ครับ ส่วนอีกตัวไว้แปลง VCD ครับ ก็จะเป็น ffmpegX 0.0.9x r2 ครับ ต่อมาก็เป็นฝั่งของ windows บ้างครับ หากแปลงหนังก็ต้องเป็น Acala ครับ เคยเขียนไว้แล้วเช่นกันครับ หากเป็น VCD ก็เป็น Allok ครับ ที่ต้องใช้งานจริง ๆ มีแค่นี้ครับ แต่หากใครอยาก Advance เล่น game ภายนบ้านก็ต้องว่ากันอีกทีครับ

OK ครับเมื่อเราได้อุปกรณ์ที่ต้องการครบแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนของการวางระบบครับ (เขียนว่าวางระบบจะได้ดูยากครับ เผื่อจะได้เป็นโปรกับเขาบ้างครับ)

ขั้นแรกครับ เราก็มาประกอบ computer ให้เข้าที่ครับ ทุกห้องเราจะต่ออะไรเข้าไปบ้างก็ตามแต่ต้องการเลยครับ เหมือนเราประกอบ computer ปกติครับ เพียงแต่จอภาพที่เราใช้นั้นไม่ได้เป็นจอ computer แต่เป็น TV จอใหญ่แทนครับ ในตรงนี้ขอเพิ่มเติมกาตต่อจอภาพนิดหนึ่งครับ เป็นเรื่องของการปรับค่าการแสดงผลของจอภาพครับ เราต้องเลือกให้ computer ของเรานั้น match กับจอภาพให้มากที่สุดครับ ไม่อย่างนั้นภาพจะผิดส่วน หรือเบลอเอาได้ครับ แล้วจะทำอย่างไรดูไม่ยากครับ ให้เราต่อจอภาพให้เรียบร้อยแล้วแล้วไปดูในคู่มือของ TV ว่า Resolution เค้าเป็นเท่าไร อะไรคูณอะไร แล้วเราก็ไปปรับใน computer ของเราให้ตรงกันครับ อันนี้หากเป็น macจะอยู่ที่ system preferance>Display>Display ครับ ส่วนใน windows ให้คลิกขวาตรง Desktop ครับ แล้วเลือกที่ Properties>settings ครับ แล้วเลือกขนาดจอให้ตรงกับ TV ของเราหรือให้ไกล้เคียงที่สุดครับ จะทำให้ภาพไม่เพื้ยนครับ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเราก็ดูว่าใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ ทั้งการแสดงผลการควบคุมต่าง ๆ ผ่าน Keyboard+Mouse ครับ ว่าทำงานได้ดีหรือไม่ครับ เมื่อเรียบร้อยดีขั้นต่อไปครับ

ติดตั้งระบบเครือข่าย สำหรับบ้านที่ใช้ true homewifi เรียบร้อยแล้วก็ง่ายครับ แค่ Add เครื่องในบ้านเข้าไปในระบบก็เรียบร้อยครับ แต่หากยังไม่มีเราก็ต้องไปหา Router มาติดครับ จะเป็นของยี่ห้ออะไรก็ได้ครับ แต่หากอยากให้ดีก็ลองดูคำแนะนำในการเลือกด้านบนก็ได้ครับ เป็นทางเลือกที่ดีได้อีกทางหนึ่ง ส่วนการตั้งค่าต่าง ๆ ขออนุยาติไม่ลงในรายละเอียดนะครับ สามารถไปดูที่ได้ที่เว็บนี้ครับ http://www.trueinternet.co.th/cus_config_adsl.htm ซึ่งการตั้งค่าแต่ละรุ่นนั้นจะต่างกันนิดหน่อยครับ แนะนำให้ดูในคู่มือด้วยครับ รับรองไม่มีปัญหาครับ เมื่อเราเราทำการ ติดตั้งทุกเครื่องเข้าหากันเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นการ set ค่า iTunes ครับ


หลังจากที่เราได้ติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบเข้าไปด้วยกันแล้ว ขั้นต่อมาซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญแต่ง่ายมาก ง่ายกว่าขั้นตอนแรก ๆ แยะครับ ก็คือการตั้งค่าของ iTunes ให้เค้า Share กันได้ ตอนแรกก็เริ่มจากเราเปิดโปรแกรม iTunes ขึ้นมาครับ (แนะนำให้ใช้ Version 7.2 ครับ) แล้วไปที่ preference ครับ หากเป็น mac ไปที่ iTunes>preference ครับ แต่หากเป็น windows เค้าจะไปซ่อนตัวอยู่ที่ Edit>preference ครับ



จากนั้นเราก็มาทำการตั้งชื่อของตัวเครื่องที่เราตั้งค่าอยู่ครับ ซึ่งตั้งได้ตามอิสระครับ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องน้องจ๋า ห้องโถง เป็นตัน เพื่อที่เวลา Online อยู่จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร


ต่อมาเราก็เข้าไปตั้งค่า sharing ต่าง ๆ ดูตามรูปนะครับ ผมจะเริ่มไล่มาตามลำดับจากบนลงล่างครับ

อันแรก Look for shared libraries อันนี้เราต้องติกครับ เพราะเป็นสั่งให้ตัวโปรแกรมมองเห็นการแชร์ของเครื่องอื่น ๆ ในระบบครับ หากไม่ติกเราจะมองไม่เห็นครับ (ตาบอดไปเยย)

อันต่อมา Share my library on my local network อันนี้เป็นการสั่งให้เครื่องเรา Share libraries ของเราให้กับเครื่องอื่น ๆ ซึ่งการ share นั่นเราสามารถสั่งได้อยู่สองแบบดังนี้

แบบแรกคือ Share entire library ครับ เป็นการ สั่ง share file ทั้งหมดใน libraries ของเราครับ เรียกว่ามีอะไรเค้าเห็นหมดเลยครับ อย่างแรกเหมาะสำหรับคนเปิดเผย (ไม่มีหนังแปลก ๆ ต้องปกปิดครับ)

แบบที่สองคือ share selected playlist: ครับ อันนี้เป็นการ share file ตาม playlist ที่เราสร้างไว้ครับ หากมองต่อลงไปข้างด้านล่างเราจะเป็นส่วนที่ให้เราติ๊กครับ เป็น Playlist ของเราที่อยู่ในระบบครับ เราไปติ๊กอันใหน อันนั้นก็จะไป Show ในระบบครับ ในส่วนนี้มีข้อแนะนำที่ควรจำและนำไปปฏิบัติตามครับ ผมแนะนำว่าให้เราสร้าง Playlist ของเราครับ แล้วแยกออกจากกันครับ สำหรับ เพลงหรือหนังที่อยู่ในเครื่องครับ ว่าอันใหนให้คนอื่นดูได้ หรืออันใหนไม่ครับ โดยเราเลือกที่จะติ๊กและไม่ติ๊ก สำหรับ Playlist ที่เราต้องการจะซ่อนครับ โดยหลัก ๆ อย่งเล่น Audiobooks,Movie,Music,TV Shows อย่างอันหลัก ๆ พวกนี้เราควรจะซ่อนครับ แล้วสร้าง Playlist ขึ้นมาต่างหากครับ แล้วแยกแต่ละประเภทออกจากกัน แล้วใส่ File ที่เราอนุยาติให้คนอื่นเข้าไปดูได้เข้าไปครับ เป็นการป้องกันความลับแตกครับ หากมีหนังหวาดเสียวอยู่ในนั้นครับ (หนังสยองขวัญ ไม่อยากให้เด็กดู...อิ ๆ คิดไปใหนกันครับ)

อันต่อมาครับ เป็น Require password: ครับ อันนี้เป็นการถามหา Password ครับ ซึ่งเราจะตั้งหรือไม่ก็ได้ครับ แต่หากเครื่องที่ใช้งานเป็น Labtop แล้วยกไปใช้งานในเครือข่ายอื่น ๆ เช่นที่ทำงาน โรงเรียน ก็ควรที่จะใส่ Password ครับ คนอื่น ๆ ที่เค้าอยู่ในเครือข่ายเค้าจะได้เข้ามายุ่งกับเราไม่ได้ครับ หรือหากจะซ่อนก็กดปิด Share ไปซะก็ได้ครับ อันนี้แล้วแต่ตามสะดวกครับ

และเมื่อเราตั้งค่าต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็กด OK เป็นอันเสร็จสิ้นครับ เป็นมั๊ยครับว่าไม่ยากเลย โดยส่วนตัวผมว่าการวางเครือข่ายยากกว่าอีกครับ เพราะผมไม่ชำนาญการ setting router ครับ (แบบว่ารู้วิธีแต่ไม่เคยทำเองกะมือ แต่รู้ว่ามันไม่ยากครับ)

คราวนี้มาคุยเรื่องการใช้งานกันครับ ว่าเราจะสามารถใช้งานกันได้อย่างไรครับ ก็ไม่ยากครับ เราแค่เปิดเTV กับ เครื่อง computer ที่ใช้งานคู่กันขึ้นมาครับ ต่อจากนั้นเราก็เปิด iTunes ขึ้นมา ตัวโปรแกรมก็จะเห็นเครื่องแต่ละเครื่องอยู่ใน ส่วนของ Share ครับ


เราก็แค่คลิกเข้าไปที่ เครื่องต่าง ๆ ที่ share อยู่ แต่มีข้อแม้ว่าเครื่องอื่น ๆ ต้องเปิดทำงานอยู่เท่านั้นครับ ไม่อย่างนั้นจะมองกันไม่เห็นครับ (แน่ล่ะไม่เปิดจะมองเห็นได้ไง) แต่จะเปลืองค่าไฟเกินไปหรือเปล่าสำหรับการเปิดเรื่องในห้องต่าง ๆ ที่เราต้องการ Share ไว้นั้้นเราต้องคำนวนเอาเองครับ ว่าคุ้มหรือไม่ครับ


แต่หากจะประหยัดก็แนะนำให้เราติดตั้ง Server ไว้ในบ้านครับ ใช้ computer ธรรมดาทำก็ได้ครับ หากอยากให้ทำงาน ทน ๆ ไม่ Hank ง่าย ๆ ไม่มี virus กวนใจ ก็แนะนำให้ใช้ macmini ครับ เล่นเป็นรุ่นเล็กก็ได้ครับ แล้วเรายัด External HD โหดทีหลังก็ยังไหว จะได้ปรับหยัดไฟหน่อยครับ เราแค่เปิดเครื่องเดียวไว้ share มันไม่ได้ทำงานอะไรมากอยู่แล้วครับ เรามีไว้แค่ให้สามารถเข้าถึง file ได้ตลอดเวลาเท่านั้นเอง ประหยัดกว่าเปิดของคนอื่น ๆ ทิ้งไว้ทั้งบ้านเยอะครับ เพียงแต่เราต้องซื้อ computer มาเปิดทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืน 1 เครื่องเท่านั้นเองครับ หากคิดเล่น ๆ นะลองนึกถึงว่าเรามีรู้เย็นที่ไม่ค่อยกินไฟเพิ่มอีกเครื่องเท่านั้นเองครับ


มาเข้าเรื่องการใช้งานต่อครับ นอกเรื่องไปซะยาวเลยครับ เมื่อเราคลิกเข้าไปที่ icon share ของคนอื่นแล้วเราก็จะเห็น Playlist ต่าง ๆ ของเราเครื่องนั้น ๆ โผล่ออกมาครับ เราก็เลือกเอาเลยครับ ว่าต้องการจะเลือกเล่นอันใหนครับ ไม่ยากกด ๆ ไปมันก็เล่นให้เราเองครับ แล้วสามารถทำให้เป็น Full screen ได้ด้วยครับ

มาถึงตรงนี้มีพี่ ๆ หลายคนถามผมครับ ในตอนที่ผมกลังเขียนบทความนี้อยู่ ถึงว่า "แล้วเวลาเราเปิดดูมันจะกระตุกหรือเปล่าน้อง อันนี้ผมรับรองครับ ว่าหากพี่อยู่ในระยะทำงานที่ดีของ router รับรองไม่กระตุกครับสัญญาณแรง ไม่มีปัญหาแน่ครับ เพราะมันมี Bandwidth เหลือเฟือครับ ไม่กระตุกแน่นอนครับ แต่มีข้อแม้ว่าเครื่องของเราทั้งสองเครื่องต้องไม่ทำอะไรที่เกินทำกลังเครื่องอยู่นะครับ ไม่งั้นต่อให้เอาเครื่องไปจ้ิมกับ router ก็กระตุกครับ เพราะเครื่องเค้าทำงานไม่ทันครับ

มาถึงตรงนี้ก็เหมือนเดิมครับ หากพี่ ๆ น้อง ๆ ท่านใหนสนใจหรือมีข้อสงสัยอยากได้คำแนะนำก็สามารถแวะ เข้ามา Post ถามที่ webboard ของพวกเราได้ครับ ยินดีให้ความช่วยเหลือเช่นเคยครับ หรือ E-mail หรือแม้จะ Add MSN เข้ามาคุยกันก็ได้ครับ และหากมีสิ่งใดที่ขาดตกบกพร่องยินดีรับคำติชมและนำมาแก้ไขให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปครับ

PIKMY