Tuesday, April 24, 2007

Resoluion (เรสโซลูชั่น) นั้นสำคัญไฉน


สวัสดีครับต้องขอโทษด้วยพี่ ๆ บางท่านด้วยครับ ที่ไม่สามารถ Review ตัวโปรแกรมแปลงหนังได้ทันที่รับปากไว้ไม่เกิน 5 วัน อันไม่ขอแก้ตัวครับ ว่าหาแผ่น DVD ไม่ได้เลย (เชื่อมะ) ที่บ้านที่ยืมมาคืนไปหมดแล้วครับ เลยไม่มีหนูให้ลองยา แต่พอได้มาโปรแกรมที่ได้บอกไว้ว่าจะเอามาลง (videoraipodconverter) กลับไม่เวอร์คครับ เลยไม่เอาดีก่า ตอนแรกกะจะหาของฟรีมาลองทำให้ดูครับ เลยเดี๋ยวไปหาตัวอื่น ๆ มาลองดีกว่าครับ

แต่สืบเนื่องจากการแปลงหนังครับ ทำให้ผมเห็นว่าการตั้งค่า resolution นั้นมีความสำคัญกับการดูหนังพอสมควรเลยครับ และมีผลหลาย ๆ ด้านครับ เลยเอามาเล่าสู่กันฟังครับ แต่เรียนว่าจะขอติดเรื่องของแปลงหนังไว้ก่อนครับ คิดว่าคงเป็นบทความหน้าครับ น่าจะทัน (น่าจะอีกแวะ)

ขอเริ่มเลยนะครับ Resolution นั้น เป็นความที่หมายถึงความระเอียดของส่ิงต่าง ๆ ครับ ในที่นี้เราจะกล่าวถึงหน้าจอ ครับ หน้าจอของ iPod นั้น (Video ครับ) มี resolution อยู่ที่ระดับ QVGA หรือ 320x240 Pixel (Width x Height) ครับ นั่นแปลว่าในหนึ่งหน้าจอนั้นมีจุดอยู่ทั้งสิ้น 76,800 จุด (เอา 320x240 ครับ) ในหนึ่งหน้าจอ แล้วเวลาเราแปลง file เราจะเอาอย่างไรดี เอาเท่าที่จอรับได้เลยมั๊ยหรืออย่างไรดี




อันนี้ผมขออนุญาติแบ่งครับ ว่าการแปลงหนังนั้นจะแบ่งออกตามการใช้งานได้ 2 ประเภทครับ อย่างแรกก็คือการแปลงเพื่อดูบน iPod ครับ กับประเภทที่สองคือการดูบน TV ครับ สองประเภทนี้ต่างกันนิดหน่อยครับ เพราะว่าตัวของ Resolution ของ TV นั้นมากกว่าของ iPod พอสมควรเลยครับ iPod นั้นอยู่ที่ 320x240 แต่ของ TV ในระบบ PAL อยู่ที่ 768x576 ครับ ต่างกันเท่ากว่า ๆ เลยครับ

แล้วจะใช้แบบใหนดีล่ะ ? คงเป็นคำถามต่อไปแน่ครับ หลังจากรู้ถึงความแตกต่างแล้ว เราต้องดูครับว่าเรานั้นจะแปลงไปดูบนอุปกรณ์ตัวใหนเป็นหลักครับ

หากแปลงไว้ดูแต่ใน iPod อย่างเดียวก็ง่ายครับ ใช้ความละเอียดที่ความละเอียดหน้าจอด้านกว้างที่ 320 จุดไว้ครับที่เหลือตัวโปรแกรมให้เค้าจัดการเองครับ (โปรแกรมบางตัวฉลาดครับ เค้ารู้ได้ด้วยตัวเองครับ เช่น iSquint บน mac) ที่ให้ดูด้าน Width ด้านเดียวเพราะหากเราแปลงโดยยึดด้าน Height เป็นหลักเราจะได้ความสูงที่พอดีแต่ภาพจะเป็นแบบโดนบีบให้จอแคบลงครับ ภาพจะเป็นแบบ คนหน้าแหลมครับ ตัวผอม ๆ แต่หากเรายึดเอาด้าน Width เป็นหลักเราจะได้จอภาพที่สมส่วนคนไม่อ้วนหรือผอมเกินไป ส่วนความสูงนั้น เดี๋ยวตัวโปรแกรมจัดการเองครับ จะผันแปลไปตามขนาดของ film ของหนังที่บันทึกมาครับ ตรงนี้จะสังเกตุได้ครับ ว่าหนังแต่ละเรืองนั้นความกว้างของจอนั้นกว้างมากน้อยไม่เท่ากันครับ เช่นหนังอย่างพวก The Load of The Ring จะจอกว้างมาก ๆ แต่หนังอย่างเช่น Surf's Up จะเป็นจอทีเล็กกว่า อันนี้ขึ้นอยู่ที่ผู้กำกับแล้วล่ะครับ ว่าต้องการที่จะให้หนังนั้นออกมายิ่งใหญ่มากน้อยเพียงใหน




หากเราแปลงไว้เอามาดูบน iPod เราแปลงไว้ที่ขนาดนี้ก็พอครับ เพราะ ขนาดนั้นอยู่ที่ประมาณ นาทีละ 4.8 MB หนัง 2 ชั่วโมงเรื่องหนึ่งก็ประมาณ 576MB ครับหากเป็นหนังประมาณ 2 ชั่วโมงก็ได้ประมาณ 52 เรื่องเท่านั้นเอง (ล้อเล่นครับตั้ง 52 เรืองตะหากครับ) นับว่าเยอะมากทีเดียวครับ เมื่อนำมาดูแล้วถือว่าชัดมาก ๆ ครับและเหมาะกับจอมากที่สุดครับ ผมได้ทดลองมาแล้วครับ หากใช้ภาพที่บันทึกมาใหญ่กว่าขนาดที่จอจะแสดงผลได้เค้าจะมีอาการกระตุกนิด ๆ ครับตรงในส่วนของภาพทีี่มีรายละเอียดเยอะ ๆ เพราะความไม่พอดีของความละเอียดของภาพกับจอครับ

แต่หากเราจะนำไปต่อดูบน TV ก็ต้องที่ขนาด 640x480 (ใหญ่สุดที่รับได้ครับ หากใหญ่กว่านี้จะไม่สามารถใช้ได้ครับ) และเช่นกันครับเวลาเราแปลงก็ต้องยึดด้าน Width เป็นหลักครับด้วยเหตุผลเดียวกันครับ ณ.ขนาดนี้นั้นเราสามารถเอามาดูบน TV ได้ครับ ไม่แตกเท่าไร แต่ก็ไม่ถึงกับไม่แตกเลย เพราะความละเอียดของ TV นั้นอยู่ที่ 786x576 ครับ ต่างกันนิดหน่อยแต่ก็พอดูได้ครับ ไม่แตกมากครับ สำหรับขนาดนั้นอยู่ที่ประมาณ 11MB หนัง 2 ชั่วโมงเรื่องหนึ่งประมาณ 1.3GB ครับ ไม่ใหญ่มาก iPod 30GB จุได้ประมาณ 23 เรื่องครับ หากคิดดูแล้วการพกแผ่น VCD หรือ DVD ติดตัวไปดูคงไม่เหมาะครับ หากใช้ iPod ก็ทุ่นไปได้เยอะเลยครับ

จบแล้วครับ ตอนนี้หากจะแปลงหนังก็คงเลือกได้แล้วล่ะครับ ว่าความ Resolution ขนาดใหนถึงเหมาะกับเราครับ

บทความต่อไปคงเป็นเรื่องของ การแปลงหนังแน่ครับ (หวังว่าจะทันครับ เพราะผมตั้งใจจะ update ทุก ๆ 3-4 วันครับ ไม่อยากให้รอนาน) หวัวว่าครับ พบกันบทความหน้าครับ

สวัสดีครับ

PIKMY

Tuesday, April 17, 2007

เย้ย........!!! iPod ปลอม


สวัสดีครับ หายไปนานเชียวเลยครับอาทิตย์นึงได้แล้วมั้งครับ ตอนนี้ผมกำลังเร่งปั่นงานอยู่ครับ ทั้งงานราช (เว็บ Podcast ที่ทำกับเพื่อน ๆ ครับ) และงานหลวงก็คืองานของบริษัทครับ มีเข้ามาเยอะครับ สนุกดีแต่เริ่มทำไม่ทันและ ตอนนี้ก็มีอยู่หลายบทความที่กำลังเขียนอยู่ครับ แต่ต้องทำการบ้านเยอะนิดนึงครับ รายละเอียดมันเยอะครับ จะให้เขียนออกมามั่ว ๆ คงทำใจไม่ได้ เลยต้องทำการบ้านเก็บข้อมูลกันนิดหนึ่งครับ มั่ว ๆ มีหวังโดย mail มาโวยแน่คครับ

OK มาเข้าเรื่องกันครับ "iPod ปลอม" จริง ๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ มีมานานมากแล้วครับ เมื่อวันก่อนมีีลูกค้าคนหนึ่งมาที่ shop ครับ และมาเห็น iPod ของผมเข้า แล้วเค้าก็เอยคำถามว่า "ของจริงป่ะ น้อง" โอ้ว คิดได้ไงพี่ของวางขายในร้านขนาดนี้จะเป็นของปลอม แต่ผมก็เข้าใจพี่เค้าครับ ว่าตอนนี้ของปลอมระบาดเหลือเกินครับ บางอันก็คล้าย ๆ บางอันก็เหมือนซะ ขนาดผมบางทียังต้องดูแล้วดูอีกเลยครับ (ไม่ใช่แยกไม่ออกนะครับ แต่จะได้จำมาเล่าต่ออีกทีครับ)

ตัวผมเคยเจอมากะตัวครับ แต่ไม่ได้ไปซื้อมาใช้นะครับ แต่มีลูกค้าเอามาให้ดู ก็มีพี่อยู่ครอบครับหนึ่งเค้ามาเที่ยวใน shop นี่ล่ะครับ แล้วเพิ่งซื้อ iPod (พี่เค้าเรียกอย่างนั้นครับ เพราะมันเหมือนจริง ๆ) มาจากร้านค้าในมาบุญครอง แต่มีปัญหาเรื่องการใช้งานครับ ว่ามันดูรวน ๆ และใช้ไม่เป็นด้วย ผมได้ยินดังนั้นครับ โอเช พี่เอามาได้เลยเดี๋ยวผมดูให้ครับ ว่าแล้วพี่เค้าก็เดินไปที่โต๊ะครับ แล้วควักกล่องมาให้ดูครับ ผมก็มองด้วยความสงสัยครับ ว่าเอ๊ะ เมื่อตะกี้พี่เค้าบอกว่าซื้อ nano มานี่หว่าเป็น 2G (Generation ครับ) ด้วย แล้วทำไมกล่องมันไม่เป็นพลาสติกใส แต่มันดันไปเหมือนเอากับ iPod nano 1G ครับ เอาล่ะสิอย่างนี้มีเฮแน่ครับ เพราะพลิกดูแล้วกล่องกระดาษเหมือนมาก ๆ ครับ มา Logo Apple ด้วยครับ ไม่ช้าน้องคนหนึ่งคิดว่าเป็นลูกของพี่คนนั้นครับ ก็ถือเจ้า iPod ตั้วนั้นมา


"โอ้มแม่เจ้า iPod nano ฟัง FM ได้ด้วยครับ แถมมี EQ วิ่ง ๆ อีกตะหาก" ผมเป็นคนขาย iPod ก็งงเป็นไก่ตาแตกเลยสิครับ ว่าแล้วผมก็ขอดูครับ ว่ามันเป็นอย่างไร ลองมาพิสดูใกล้ ๆ ก็พบว่าหน้าจอมันกว้างกว่าปกติครับ เดิมมันเป็นจอรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางอยู่ด้านบนขัดกับความยาวของตัว iPod แต่เจ้าตัวนี้มันวางไปตามแนวยาวกับตัวเครื่องเลยครับ ทำให้จอเค้าใหญ่กว่าตัวที่ผมมีนิดหน่อยครับ เมื่อดููจอเสร็จผมก็ดูต่อไปที่คลิกวิว ครับ ว่าเป็นอย่างไร ในตัวคลิกวิวนั้นโดยปกติแล้วนั้นด้านบนสุดจะเป็นคำว่า menu แล้วลงมาจะเป็น < > ครับ และด้านล่างก็จะเป็นเครื่องหมาย สามเหลี่ยม ที่หมายถึงการเล่นครับ แต่ตรงนี้นั้น ของเครื่องนี้นั้นกลับเป็นคำว่า Volume แทนครับ ด้านหลังนั้นตรงที่บอกความจะของตัว iPod ปกติจะสกรีนไว้ตามแต่ขนาดความจุครับ แต่งานนี้สงสัยหมึกสกรีนหมด พี่เล่นเอาสติกเกอร์มาติดแทนครับ และที่สำคัญที่ทำให้ผมมั่นใจเป็นที่สุดครับ ว่ามันของเก๊!!!! แน่ ๆ ก็คือ คลิกวิวครับ ตรงคลิกวิวมันหมุนไม่ได้ต้องออกแรงกด ๆ เอาเอง หากหมุนได้ล่ะก็เป็นเรื่องครับ เพราะลิขสิทธ์ของ "คลิกวิว" นั้นทาง Apple ไม่ยอมขายให้ใครเลยครับ จนถึงขั้นที่เมื่องนอกค้าฟ้องร้องกันยกใหญ่เลยในคดีที่ว่า " U คิดคลิกวิวได้ I อยากใช้ U ไม่ขาย I ฟ้องซะเลย" เมืองนอกเค้าหน้าทนดีโน๊ะ

มาถึงตรงนี้ก็เลยทำให้ผมสบายใจเลยครับว่าของปลอมแน่นอน แต่ดูท่าแล้วพี่ลูกค้าเค้าไม่ค่อยสบายใจเท่าไรครับ แต่พอเปิดไปอีกนิด แน่ะ มันเล่น file Video ได้ด้วยแฮะ แต่เรียนตรง ๆ ว่ามันดูหนังไม่ได้ครับ ถ้าพวกคลิปสั้น ๆ ก็พอใหวครับ เพราะแบ็ตมันอายุไม่ยืนพอครับ และด้วยความจุขนาดนี้นั้นไม่พอยาใส้แน่ครับเพราะหนังเรื่องหนึงปรมาณ 3 ชั่วโมงอยู่ที่ประมาณ 1GB ได้ครับ

"เป็นอันสรุปได้ว่าของแก๊แน่ครับพี่" ผมพูดไปครับ "แล้วจะให้พี่ทำไงดีน้อง" เป็นคำถามที่พี่เค้าย้อนกลับมาครับ ผมก็ได้แต่บอกว่าให้พี่ทำใจครับ มันไม่ใช่ว่าฟังไม่ได้เลยครับ ก็ฟังได้เหมือนกัน แต่่มันเป็นของปลอมเท่านั้นเองครับ แต่ท่ายที่สุดครับ ผมก็ได้บริการพี่เค้าไปครับ แม้ว่าจะเป็นของปลอมก็ตามเพราะมันก็ใช้ไม่ยากอะไรครับ ผมลองเล่นดูแป๊ปก็เป็นแล้วครับ

OK แล้วทีนี้เจ้า iPod ของแท้เค้าดูกันอย่างไรล่ะ ผมมีจุดสังเกตุครับ แต่เรียนครับว่าให้ไปลองเล่นของจริงดูก่อนครับ จะเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นครับ


จุดแรกครับ คลิกวิวครับ จะต้องหมุนได้ด้วยการสัมผัสครับ ไม่ใช่จากการกดหรือเป็นพลาสติกหมุนได้ ตรงนี้ถือว่าเป็นเอกสิทธ์ของ Apple เลยครับไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เพราะมีลิขสิทธ์คุ้มครอง

จุดต่อมาครับ ยังเป็นที่คลิกวิวอยู่ครับ ตัวหนังสือและสัญลักษณ์นั้น ด้านบนสุดต้องเป็น คำว่า menu ครับ ตอมาทั้งสองด้านที่เป็นเครื่องหมาย skip จะต้องเป็น < และ > ครับ ห้ามเป็นอย่างอื่น และต่อมาตรงด้านล้างต้องเป็นเครื่องหมายสามเหลี่ยมครับ ไม่ใช่คำว่า Volume ครับ (โดยของปลอมมักใช้คำว่า Volume)


จุดต่อมาให้เราลองเล่นดูครับ หน้าจอ menu ครับ ในนี้นั้นต้องเป็นลักษณะเป็นบรรทัดครับ ไม่ใช่รูป Graphic แต่อย่างใดครับ ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจได้ง่ายกว่าการใช้รูปครับ และทำให้หน้าจอรวดเร็วด้วยครับ ตัวพื้นต้องเป็นสีขาวตัวหนังสือสีดำครับ แล้วตรงที่เราเลื่อนตัวเลือกไปซึ่งเป็นสีน้ำเงิน ตัวหนังสือจะเป็นสีขาวครับ


จุดต่อมาด้านหลัง iPod นั้น จะต้องมี Logo Apple สกรีนติดอยู่ครับ ไม่ใช่สติกเกอร์ และตรงที่บอกขนาดความจุต้องเป็นตัวสกรีนเช่นกันครับ



จุดต่อมาครับ เป็นเรื่อง Packaging ครับ (โดยมากนั้น iPod ปลอมที่มีอยู่ในตลาดนั้นมักเป็นตัว Nano เพราะตัว Video ต้นทุดต่อตัวสูงกว่ามาก ๆ ครับ คงปลอมไม่คุ้มครับ) ตัว iPod nano นั้น หากเป็น Generation แรกนั้นกล่องจะเป็นกล่องกระดาษสีดำครับ อันนี้ดูยากนิดนึงครับ เค้าปลอมค่อนข้างเหมือนครับ มีขนาดความจะ 1,2 และ 4GB เท่านั้นครับ ตัวข้างด้านล่างของกล่องจะมีสติกเกอร์ที่เป็นบาร์โคด ที่บอกรหัสรุ่น และ series number ของสินค้าครับ อันนี้ต้องมีอย่างละเอียดครับ


แต่หากเป็น Generation 2 ครับ อันนี้สังเกตุโดย หากที่มีหลาย ๆ สีผิวภายนอกเป็นโลหะ ตัวนี้คือ 2G ครับต้องเป็นกล่องพลาสติดเท่านั้นครับ (ต้วที่ลูกค้าคนนั้นเอามาให้ดูเป็นตัว 2G ครับ)

โดยรวมก็ประมาณนี้ครับ แต่ทางที่ดีผมว่าเราควรจะซื้อกับร้านที่สามารถเชื่อถือได้เช่น iShop, iStudio ทั้งหลายหรือร้านที่เป็นผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งดีที่สุดครับ จะได้ไม่ต้องกังวลกับของปลอม ดูแค่เรื่องบริการอย่างเดียวก็พอครับ สบายใจกว่ากันเยอะ

ขอแถมครับ

ของปลอมสามารถหาดูได้ที่ใหนบ้าง (ไม่ได้แนะนำให้ไปซื้อนะครับ แต่ให้ไปดูขำ ๆ ได้ครับ)
ที่หลัก ๆ ก็ pantip ครับ มาบุญครอง และร้านของชำทั่วไป (เคยเห็นจริง ๆ นะ) และอีกที่ ๆ น่าจะไปดูผมเห็นแล้วขำมากครับ OK หน้าตามันไม่เหมือนกันหลอกครับ แต่ Logo ครับ เค้าลอกไปนิดหน่อยครับ แทนที่จะเป็น Apple โดยกัดอยู่ด้านขวามือ แต่ดันเป็น "ชมพู่" โดนกัดอยู่ด้ายขวาเหมือนกันแทนครับ เค้าเป็นเครื่องรับวิทยุ FM ครับ ที่ผมรู้เพราะพี่ชาย (ชื่อชายครับ ทำงานอยู่ใน shop true เป็นคนที่ดูแลส่วนของ internet cafe') แกเดินไปเจอแล้วมาเล่าให้ฟังครับ ว่ามีของอย่างนี้ขายอยู่ใน 7 ELEVEN ครับ ผมไปดูมาแล้ว ขำกระจายเลยครับ เออคนเราก็เนอะ โถ............ทำไปได้

ยังไงของจริงก็ต้องดีกว่าของเลียนแบบ ของปลอมอยู่แล้วครับ เพราะระดับการวิจัยและพัฒนามันต่างกัน ดีทั้งตอนใช้งาน สบายใจเมื่อต้องถือ และทนไม้ทนมือกว่าเยอะครับ

หากมีข้อสงสัยอย่างไรหรือ มีรูปของปลอมหรือลองเลียนแบบที่ใหนก็สามารถส่งรูปมาทาง mail มาแบ่งกันดูได้นะครับ หรืออยากจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการใช้ iPod กับเพื่อน ๆ ก็สามารถส่งประสบการณ์มาได้นะครับ ทาง E-mail ที่ pik-0001@hotmail.com ครับหรือโทรติดต่อมาก่อนได้ที่ 087-785-3714 ครับ ทุกวันตั้งแต่เข้าครับ จนถึง 2 ทุ่มครับ

PIKMY