Tuesday, May 15, 2007

การแปลงหนังลง iPod Version Windows


สวัสดีครับ หายไปซะนานเลยครับ หลังจากที่เขียนบทความ การแปลงหนังลงใน iPod Version mac เสร็จแล้ว หลังจากนั้นก็ยุ่งมาตลอดเลยครับ stock ของร้านไม่เสร็จสักทีครับ เข้า ๆ ออก ๆ เป็นเหตุที่ทำให้บทความล่าช้าไปบ้างครับ (ไม่บ้างล่ะ เล่นห่างทีเป็นอาทิตย์ ๆ เลย รู้สึกผิดนะเนี่ย)

ตอนนี้หากพี่ ๆ หรือน้อง ๆ ที่เข้ามาเป็นประจำก็จะเห็นถึงความแตกต่างว่า เว็บของเรานั้นตอนนี้มี forum เป็นของต้วเองแล้วครับ แต่ยังไม่ค่อยมีคนไปโพสเท่าไรเลยครับ หากใครที่แวะเข้ามาก็ไปโพสทักทายกันได้ครับ ไม่ต้องรอมีคำถามก็ได้ครับ เพราะมี ห้องเฮฮาปาจิงโกะด้วยครับ สำหรับเรื่องไร้สาระอย่างเดียวครับ ไม่เน้นสาระครับ หากว่าง ๆ ก็ฝากแวะ ๆ ไปโพสกันด้วยนะครับ (ได้โปรดเต๊อะ)

OK มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ สำหรับโปรแกรมที่จะนำมาแนะนำในวันนี้นั้นเป็นโปรแกรมที่ใช้อยู่ใน windows ครับ สำหรับแฟน iPod ที่ใช้ windows โดยเฉพาะเลยครับ ในฝั่ง windows นั้นก็มีด้วยกันอยู่หลาย ๆ โปรแกรมครับ แต่ตัวที่จะแนะนำนี้นั้นคือ โปรแกรมชื่อ Acala DVD iPod Ripper ครับ สามารถหา Download ได้ที่ http://www.cutedvd.com/html/download.html แต่ต้องขอบอกก่อนนะครับ โปรแกรมตัวนี้นั้นเป็น Shareware ครับ (แปลว่าเสียตังครับ ไม่ใช่ของฟรี) หากใช้จะหามาใช้ก็สามารถที่จะซื้อผ่านเว็บของเค้าก็ได้ครับ หรือจะเป็นวิธีแปลก ๆ ก็สุดแล้วแต่จะหาได้ครับ


ขั้นแรกครับ เราก็นำเอาแผ่น DVD ใส่ไปใน Computer ของเราก่อนเลยครับ จากนั้นก็ไปดับเบิลคลิกที่ตัว icon Acala DVD iPod Ripper ครับ ไม่นานตัวโปรแกรมก็จะเปิดตัวเองขึ้นมาครับ


รูปข้าบนเป็นรูปหน้าตาของตัวโปรแกรมครับ

หลังจากเปิดมาครับ จากนั้นเราก็ไปคลิกที่รูปเครื่องหมาย + ครับ เป็นการโหลด DVD เข้าไปที่โปรแกรมครับ

จากนั้นเราก็มาดูการตั้งค่าทีละตัวครับ อันแรกนั้นเป็นการตั้งค่า Profile Setting ครับ เป็นการตั้งค่าของคุณภาพ file หนังที่เราจะแปลงออกมาครับ อันนี้เลือกไม่ยากครับ เราปรับไปเป็น normal ง่ายดีครับ เป็นค่ากลาง ๆ ดังชื่อครับ


ต่อมาเป็นการปรับ Fream Size ครับ อันนี้มีจุดที่ต้องพิจารณาครับ ว่าเราจะต้องเลือกปรับแบบใหน ซึ่งเรื่่องของการเลือกขนาดของจอนั้น จะไม่ขอเล่าต่อ ขอให้ไปอ่านบทความย้อนหลังเรื่อง Resolution นั้นสำคัญไฉน ครับ แต่ตัวโปรแกรมตัวนี้นั้นเค้าบังคับตัว Fream Size ของจอครับ คราวนี้เราก็ต้องมาเลือกกันแล้วครับ ว่าจะต้องการแปลงหนังให้ออกมาเป็นจอแบบใหนครับ ทั้งแบบ 4:3 และ 16:9 โดยมีจุดสังเกตุครับ ว่า Fream size ที่เราเลือกนั้นจะออกมาเป็นแบบใหน ให้เราดูด้านท้ายของตัว ขนาดจอ เมื่อตัวเลขด้านหน้ามีค่าเท่ากันเช่น 320 ค่าข้างหลัง นั้น หากมีค่าน้อยกว่า เช่น 320x180 จะเป็นจอแบบ 16:9 และตัวเลขที่มากกว่า อย่างเช่น 320x230 จะเป็นจอแบบ 4:3 หรือแบบจอทีวีธรรมดาไม่ใช่จอ widescreen นั้นเอง

ถัดมานั้นเป็น Video Freame Rate ตรงนี้ไม่ยากครับ เราปรับเป็น 29.97 ได้เลยครับ อันนี้เป็นระดับที่ตาเรามองภาพพอดีครับ รับรองภาพไม่กระตุกครับ หากมีค่าน้อย ๆ นั้น จะทำให้เราเห็นเป็นภาพที่กระตุกครับ เพราะตาเราจะมองทัน เห็นเป็นเฟรม ๆ ทำให้เรามองว่าภาพกระตุกครับ แต่หากเราตั่งค่าไปในค่าที่ใกล้เคียงกับตาเราหรือสูงกว่านั้นก็จะทำให้เรามองออกมาไม่กระตุุกครับ




ต่อมาเป็นค่า Video Bitrate และ Audio Bitrate ซึ่งตรงนี้นั้นเราไม่ต้องตั้งก็ได้เพราะเราได้ตั้งไปด้านหน้าแล้วตรง profile ด้านบนเราได้ตั้งไปแล้ว วึ่งเป็นธรรมดา หากเราตั้งค่าสูงกว่าคุณภาพก็จะสูงตามไปด้วยแต่ นั้นก็จะทำให้ขนาดของ File ใหญ่ขึ้นตามมาด้วยเช่นเดียวกัน

อันต่อมานี้เป็นการตั้งค่าหน้าจอว่าจะเป็นแบบ 4:3 แบบ TV ทั่วไปหรือจะเป็น 16:9 แบบ TV จอ widescreen อันนี้เราจะตั้งค่าแบบใหนก็ขึ้นอยู่กับหนังแล้วล่ะครับ ว่ามาเป็นแบบใหน เพราะหากหนังที่มีเป็น 4:3 เราไปโกงเป็น 16:9 ภาพเค้าก็จะออกมาอ้วน ๆ ไม่สมส่วน และเช่นเดียวกันหากเราไปปรับ 16:9 เป็น 4:3 ก็จะทำให้ภาพผิดส่วนเช่นกัน ตรงนี้ผมเห็นหลาย ๆ คนชอบทำให้ภาพออกมาเต็มจอ จะได้ดูสะใจ แต่ภาพท่ี่โกงเค้านั้นจะทำให้ภาพผิดส่วนไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม


อันนี้เป็นช่องให้เราไปเลือกว่าเมื่อ file ที่เราแปลงเสร็จแล้วจะให้เค้าไปอยู่ที่ใหน โดยมากผมจะเก็บไว้ที่ desktop ซะส่วนมากครับ เพราะเห็นได้ง่ายจะโยกย้ายไปใหนก็สะดวกครับ เพราะถ้าเราจะเก็บไว้ในเครื่อง computer ของเราผมจะโยนเข้าไปใน iTunes ครับแล้วตัวโปรแกรมเค้าจะหาที่เก็บให้เราเองครับ หรือจะเก็บเข้าไปที่ External HD ก็จะเอาไปโยนเข้า HD โดยผ่าย my computer ครับเมื่อเสร็จแล้วเราก็จะสามารถลบออกได้อย่างง่ายดายครับ ไม่ต้องไปคนหากให้มันยากเย็น จะได้ไม่ต้องมี file ตัวเดียวกันอยู่หลาย ๆ ที่ในเครื่องเดียวกันให้เปลืองเนื้อที่ HD


ต่อมาเป็นจุดสำคัญ แล้วล่ะคับ เป็นการเลือกว่าเราจะเลือกว่าจะให้ title ใหน เป็น title ที่เราจะแปลง แต่ตัวโปรแกรมเค้าจะฉลาดครับ เค้าจะเลือกให้เราเองอัตโนมัติครับ เราไม่ต้องไปเลือกให้มันยุ่งยากครับ แต่หากเป็นแผ่นบางแผ่น อย่างเช่น การ์ตูนของ พิกซ่า นั้นเค้ามักจะมีการ์ตูนเรื่องสั่น ๆ เป็น ให้เราดู ซึ่งเป็นการ์ตูนที่เรามักจะเห็นตอนก่อนดูหนัง ไม่ว่าจะเป็นในแผ่นหรือไปดูในโรงก็ตามครับ หากเราต้องการเลือกการ์ตูนเรื่องนั้น ๆ ออกมาเราก็ต้องไปเลือกเองครับ เพราะโดยปกตินั้น โปรแกรมเค้าจะเลือกเอา title ที่มีขนาดความยาวมากที่สุด เพราะเป็นตัวหนังครับ แต่การ์ตูนที่ว่านั้นเค้าจะสั้นกว่าครับ ทำให้เราต้องไปเลือกเองครับ


เมื่อเลือก Title ได้แล้วนั้น เราก็มาเลือก ว่าจะให้หนังเรื่องนี้พูดเป็นภาษาอะไร และมี subtitle มั๊ย หรือเป็นภาษาอะไรในช่องถัดมาครับ

จากนั้นเมื่อเลือกเสร็จแล้วก็ไปกดเครื่องหมาย Play ด้านล่างได้เลยครับ เค้าก็จะทำการแปลงหนังให้เราครับ คราวนี้ก็รออย่างเดียวครับ จะเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับความแรงของ computer ของเราแล้วล่ะครับ ว่าเค้าจะช้าหรือเร็วมากน้อยเพียงใหน

เมื่อเสร็จแล้วเราก็ลองมาเปิดเล่นดูสักรอบหนึ่งก่อนว่า OK มั๊ย เมื่อเรียบร้อยแล้วเราก็เอาเค้าไปโยนใน iTunes เป็นอันเรียบร้อยครับ

เสร็จไปอีกเรื่องครับ สำหรับบทความการแปลงหนัง DVD ลงใน iPod ภาค windows ครับ อาจจะออกมาช้าไปบ้างครับ แต่ก็หวังว่าจะเต็มอิ่มสำหรับหลาย ๆ คนที่รออ่านนะครับ แถมทิ้งท้ายนิดหนึ่งครับ จริง ๆ แล้วโปรแกรมประเภทนี้นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายตัวครับ เช่น CuCusoft,Handbrake,Videora iPodo Converter ซึ่งตามร้านแต่ละร้านนั้นจะแนะนำกันอยู่ไม่หลายโปรแกรมมากนัก แต่ที่ผมลอง ๆ ดูแล้วนั้นคิดว่าตัวนี้เข้าใจง่ายและเข้าท่าสุดครับ บางตัวมันดูแล้วมันง่ายไปทำให้บางทีเราดูแล้วไม่เข้าในและไม่เป็นการพัฒนาความรู้เราด้วยครับ กับบางตัวก็ Advance ซะ เห็นแล้วมึนตึ๊บ ไม่รู้จะปรับอะไรก่อนดี แต่ตัวที่ผมเอามา Review ให้นั้นเป็นตัวที่คิดว่ากำลังดีที่สุดครับ ใช้ง่ายและมี Feature ที่จำเป็นครบครับ หากใช้ Acala เป็นแล้วคิดว่าหากจะขยับไปใช้ตัวอื่นที่ยากแต่ละเอียดกว่านี้จะสบายมากครับ ผมมองว่ามันเป็นการปูพื้นฐานที่ดีครับ

สำหรับบทความนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ก่อนครับ หากมาข้อติชม หรือแนะนำ กระผมยินดีรับฟังและพร้อมที่จะนำไปปฏิบัติตามครับ หากเป็นเรื่องที่ดีก็ยินดีอย่างยิ่งครับ เพราะให้บทความและเว็บของเราทุกคนสมบูรณ์และน่าอยู่ที่สุดครับ และหากพี่ ๆ น้อง ๆ ท่านใดสนใจอย่ากเขียนบทความมาแบ่งให้คนอื่น ๆ อ่านเพื่อเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ก็สามารถที่จะเขียนและส่งเข้ามาได้นะครับ ตาม E-mail: pikmy.iloveipod@gmail.com ได้นะครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

PIKMY

No comments: