Tuesday, May 29, 2007

PIKMY 2 วันกับ iPod Video (ของคนอื่น ฮิ ๆ ๆ ๆ)


สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่านครับ เรื่องนั้นมีอยู่ว่าหลายวันมานีี้ผมได้นำ iPod มาลองใช้งานยาว ๆ ดูว่าเป็นอย่างไร และลองทำการลง ภาษาไทยด้วยตัวเองดูหลาย ๆ Font ดูว่าเป็นอย่างไร ผลทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดีครับ แล้วหากรวมรวมข้อมูุลได้เรียบร้อยแล้วผมจะนำเรื่องการลง ภาษาไทยเอง ใน iPod Video ลมแบ่งปันความรู้กันครับ จะได้ทำกันเองได้ที่บ้านครับ ไม่ต้องเสียเวลาไปจ้างเค้าลงกัน

OK มาต่อกันครับ เนื่องมาจากเมื่อวันจันทร์เป็นวันหยุดอันมีค่าวันเดียวของผมครับ (บวกกับคืนวันอาทิตย์ เลยได้ 2 วัน) ผมก็ทัวร์เลยสิครับ ไปโรงเรียนเก่ามาครับ ไปหารุ่นน้องในชมรมกีฬาของ วิทยาลัยพณิชยการธนบุรีมาครับ จริง ๆ จะไปรับน้องใหม่ครับ แต่เค้ารับเสร็จเรียบร้อยมาแล้วครับ เลยไม่ค่อยได้รับน้อง (แกล้งน้อง) หลายคนนักครับ และเพื่อให้ทราบว่า iPod ใช้งานยาว ๆ เป็นอย่างไรบ้าง ผมก็เลยเอาเจ้า iPod ติดตัวกับผมไปด้วยครับ ว่ามันจะเป็นอย่างไร (ไม่รู้ว่าบริษัทรู้จะว่าอย่างไร เพราะไม่ได้บอกใครเลยนึกได้ก็เอาไปเลย)

พอได้ลองแล้วผมก็ได้เห็นประโยชน์หลาย ๆ อย่างในตัว iPod ของเราครับ ทั้งในด้านการใช้งาน ค้นหาเพลง (ผมใช้ iPod Video 5.5G 30GB) ครับ ดู Podcast ดู Movie เป็น Keynote ของงาน macword 2007 (ได้ดูเต็ม ๆ แล้วรู้สึกถึงความสามารถ stive jobs ของเค้าดีจริง) ดู Contact ดู Calendars และฟังเพลง เรียกว่าลองเกีอบหมดทุกอย่างครับ แต่บางอย่างนั้น ตอนนี้ยังหา Content ไม่ได้ครับ เลยยังไม่ได้ลอง เจำพวก Audiobooks อะไรอย่างนี้ ยังหาไม่ได้ (ใครมีีมาแบ่งกันลองด้วยเน่อ)

เท่าที่ลองใช้นั้นก็ OK เลยครับ เริ่มแรกครับ ก็คืนวันอาทิตย์ เป็นคือที่ผมมีความสุขที่สุดครับ เพราะวันรุ่งขึ้น จะได้พักเสียที ทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด จะตายเอา วันหยุดเราพอมาที่ทำงานก็โดนใช้ให้ทำงาน อย่างกับไม่ได้หยุด (แอบบ่นเบา ๆ แต่ลงเว็บ) ผมได้ iPod มาพอขึ้นรถเมล์ URO สาย 73 ไปต่อรถหัวลำโพง พอขึ้นมาโชคดีได้นั่นก็เลยจัดแจงหยิบเอา iPod ขึ้นมาเปิด Podcast ของ macdd radio Podcast ฟัง (เป็นรายการของพี่โอม iconmac แห่งเว็บ www.macdd.com ครับ) จริง ๆ ผมโหลดมาตั้งแต่วันเสาร์แล้ว แต่ม่ะมีเวลาฟังเลย ได้มาฟังตอนอยู่บนรถวันอาทิตย์ครับ รายการที่ฟังนั้นเป็นรายการเกี่ยวกับ mac ครับ ผมฟังเพื่อ Update ข่าวให้กับตัวเอง และเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับสายงานครับ รายการแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 30 นาทีครับ รวมกัน ก็ชั่วโมงครี่งหน่อย ๆ ฟังจบก็ถึงบ้านพอดีครับ ในตอนที่ลองนั่นใช้กับหูฟังธรรมดาครับ ที่ติดมากับเครื่อง ก็ OK ครับ ผมฟังมาเรื่อย ตั้งแต่ขึ้นสาย 73 จนมารอรถเมล์แบบเสี่ยงดวง ปอ.สาย 7 เพราะที่หัวลำโพงคน โค-ตระ เยอะครับ ต้องคอยเภวนาให้คันสีขาวมาก่อน โกยคนขึ้นรถไปก่อน แล้วให้ ปอ.มาทีหลัง ถึงจะได้นั่งยาว ๆ เพราะค่อนข้างไกลครับ ระหว่างรอก็ฟังไปเรื่อย พลางหัวเราะไป เพราะรายการเค้าผมว่าถ้าเพิ่มช่วงคุยตลกการเมือเข้าไปด้วยจะแจ๋วเลยครับ เพราะเค้าคุยอะไรกันที เห็นเอาไปผูกกับการเมืองได้หมด อย่างเรื่องถอดใจ แกเอาไปผูกกับนายกเฉยเลย ผมฟังไปก็ขำไป ถ้าอยู่คนเดียวคงหัวเราะไปแล้ว แต่ไม่กล้าเดี๋ยวเค้าหาว่าบ้า ผมนั่นรถมาก็เกือบ 2 ชั่วโมงครับ ไปได้เรื่อย ๆ เลย แบ็ตยังแข็งแรงดี จนถึงบ้าน ขึ้นมาเตอร์ไซค์เข้าบ้านก็ ก็ยังฟังอยู่แต่เปลี่ยนเป็นฟังเพลงแล้วครับ

พอถึงบ้านรอพ่อของผมอาบน้ำ ก็ยังดูอยู่ครับ แต่ดู Podcast ของ National Geographic ไป 4 เรื่องได้พอก็อาบน้ำเสร็จ ผมก็ไปอาบต่อ แต่ไม่ต้องกลัวครับ ผมไม่อุตริ เอา iPod ไปฟังตอนอาบน้ำด้วยหลอกครับ แต่หากใครลองแล้วมาเล่ากันได้นะครับ อยากรู้จริง ๆ ว่าเป็นไง แต่รู้วาหากจะทำอย่างนั้นเราต้องใช้ sonud proofe ช่วย

พอเสร็จก็ขึ้นบ้านครับ แล้วก็ลอง Restore เครื่องเล่น ๆ แล้วลองเปลี่ยน font ดูหลาย ๆ แบบดูครับ ผมมีอยู่ในมือ 3 แบบ เมื่อลองได้แล้วก็ทำการจัดระเบียบให้มันไป แล้วก็ Save เก็บ file ที่เรียงไว้ใน External HD ที่บ้าน กลัวหายครับ เสียดายอุตสาห์จัดระเบียบมัน ไม่นานนักผมก็เอา iPod เสีย Charge iPod กับ macbook ด้วยสาย USB ที่เอามาด้วย แล้วก็นอนครับ

เข้าวันจันทร์ ผมก็รึบตื่นครับ แล้วก็อาบน้ำเพื่อจะรีบไปโรงเรียนเก่าเพราะนัดน้องกับเพื่อนไว้ครับ วันนี้จัดว่าเป็นวันที่วัดใจ iPod video จริง ๆ ครับ เพราะคาดว่าจะใช้ทั้งวันจริง ๆ ครับ (ตลอดการเดินทาง หรือนั่งรออะไรครับ) ผมเดินทางออกจากบ้านด้วยรถไฟครับ ตรงหลังหมู่บ้าน แล้วตรงไปที่ สถานนีวงเวียนใหญ่ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงครับ ก็ถึงที่หมาย แล้วก็เดินเท้า (พูดเหมือนลุยป่าเลย "เดินเท้าข้ามเขา" อะไรประมาณนั้น) ไปขึ้นรถเมล์ท้านรกสาย 42 สีเขียว ขับเหมือนในหนัง Hollywood เลยครับ ไม่มีแค่ยิงกัน หรือรถที่แข่งกับพระเอกไปชนกันที่กั้นถนนแล้วรถคว่ำเท่านั้นเอง และแน่นอนระหว่างทาง iPod ก็ยังคาอยู่ที่หูผมครับ ผมเปิดเพลง canon ที่หามาหลาย ๆ Version ครับ ชอบมากเปิดวนไปวนมา เพราะเป็นเพลงบรรเลง ไม่มีเนื้อ เพราะจะคิดอะไรไปเพลิน ๆ ไปด้วย มีบ้างที่หยิบขึ้นมาเปลี่ยนเพลง เพิ่ม Volume บ้างเพราะเครื่องแก้ 3859 CC. เสียงดังจริง ๆ ประมาณ 15 นาทีก็ถึงหน้าปากซอย จรัญสนิทวงศ์ 13 หรือที่เรียกันว่า ปากซอยพณิชยธน จริง ๆ ข้างในมีโรงเรียนตั้งเยอะ วัดก็มี 7 ELEVEN ก็มีทำไมไม่เรียก (สงสัยโรงเรียกเก่าผมจะดังจริง ไม่ก็เก่าเกิน) แล้วก็ไปต่อรถ สองแถวอีก 5 บาท สมัยผมเรียนอยู่ 3 บาทเอง (ไม่ได้นานมากนะ แค่ 4 ปีเอง) มีเด็กสาว ๆ แต่ตัวหวาดเสียเพียบเต็มรถเลยครับ จริง ๆ จากที่เรียนที่นี่มาทำให้ทราบว่าพวกเด็กเรียบร้อย เค้าเข้าโรงเรียนไปกันหมดแล้ว ตอนที่ผมไปถึงก็ 8 โมงกว่าแล้ว ไม่บอกก็รู้ว่าสายแล้ว เด็กคนใหนยังไม่อยู่ในโรงเรียน ถ้าไม่ใช่พวกมาสายก็รอบบ่าย

พอไปถึงโรงเรียนเก่าผมก็จัดการแลกหน้าโรงเรียน (โดยที่เค้าไม่อยู่ ผมรออยู่นานก็ไม่มาสักทีเลยจัดการแลกเองเลย แต่สักพักพอไปทานข้าวในโรงอาหาร รปภ. ก็มาตามครับ ว่าทำไมไม่รอเค้า ผมก็เลยถามกลับไปว่า แล้วมียามที่ใหนไม่เฝ้าหน้าโรงเรียนปล่อยให้ว่างบ้าง แต่เป็นการถามในใจครับ) พอไปถึงผมก็เดินเข้าโรงอาหารเลยครับ ไปสั่งร้านอาหารชื่อร้านลำเอียง (มงคลมาก) สั่ง มาม่าขี้เมาใส่เห็ด ผมทานอย่างนี้มา 3 ปีเกือบทุกวัน ใครที่ขายอะไรผมได้วันแรก ก็จะโชคดีไปตลอดเลยครับ เพราะผมกินอะไรแล้วมักไม่ค่อยเปลี่ยน ป้าแกก็ดีครับ จำผมไม่ได้เลย (งอน) เมื่อได้ของกินมาก็มานั่งกินครับ ตอนนั้นโรงอาหารโล่งมากครับ เพราะน้อง ๆ เค้าไปเรียนกันหมด ผมเลยนั่งสบายเลยไม่อย่างนั้น ที่ว่างในโรงอาหารมีค่าดั่งทองคำ ระหว่างทานข้าว ผมก็เปิด keynote macworld 2007 ดูไปพลาง เอามันตั้งกับโต๊ะ แล้วพิงกับกระเป๋า ยังคิดอยู่เลยครับ ว่าหากมี Case แบบตั้งได้จะแจ๋วมากเลยครับ


จะดีมากครับ ไม่ต้องเอามาพิงกับกระเป๋าครับ สบายกว่ากันแยะ พอทานเสร็จ ก็ขึ้นไปที่ห้องชมรมครับ ไปเจอน้อง ๆ ระหว่างนั้นก็ถอด iPod เก็บไว้ก่อน และก็คุยกับน้องกับสอนน้องทำ webblog ไปตามเรื่องตามราว พอ 9.30น. ก็ลงไปเล่นบาสครับ เด็กเดี๋ยวนี้มีแต่หน้าใหม่ ๆ ไม่ค่อยมีคนเก่า มีอยู่ 2-3 คนเองที่จำผมได้ คนเก่าก็ระวังดี แต่เด็กใหม่ ดูแกดูแคลนผมเหลือเกิน เลยต้องแนะนำตัวกันหน่อย ไม่ช้าเค้าก็รู้ว่าเป็นใครมาจากใหน ทำไปทำมาใหนกลายเป็นโค๊ชสอนพวกน้อง ๆ ที่ดูถูกเราไปเฉยเลย งงแต่ก็สนกดี

พอบ่าย ๆ ต้องไปรับแฟนที่ แถมสีลมเลยรีบออกมา ระหว่างทางก็ควัก iPod ออกมาฟังอีก พอได้ขึ้นรถก็ควัก keynote macworld 2007 มาดูต่อ ตะกี้ดูไม่จบ สุดท้ายก็จบจนได้ครับ สักพักฝนก็ตกลงมา คิดอยู่ในใจว่าดีนะนั่งปอ.มา ไม่งั้นลำบากแน่เลย

ระหว่างที่นั้นฟังเพลงอ่านหนังสือพิมพ์ไปพลางนั้น แฟนผมก็โทรมาเปลี่ยนที่นัดเพราะเค้าเลิกประชุมก่อนเวลาทำให้ได้กลับบ้านเร็ว เลยเปลี่ยนที่นัดเป็น หัวลำโพงแทน

จากนั้นไม่น่า Battery ของ iPod ผมก็หมดลง คิด ๆ ดูแล้วก็ถือว่าใช้ได้นะครับ แต่หากนานกว่านี้ได้สัก 2 ชั่วโมงก็คงจะดีครับ แต่พอมานึกดี ๆ แล้ว เครื่องที่ผมใช้อยู่นั้นเป็นเครื่อง Demo นี่หว่า เพราะฉะนั้น คง Charge ตอนแรกมาไม่ดีเท่าไรนัก เลยพาลคิดไปว่า หากเป็นเครื่องที่ Charge แบบที่แนะนำคือ 14 ชั่วโมงน่าจะดีกว่านี้แน่นอน เพราะคิดแล้ว ดู file Video ไป 2 ชั่วโมงนิด ๆ (keynote macworld 2007+Podcast ของ national geographic อีกนิดหน่อย) ฟังเพลงไปเกือบ 3 ชั่วโมงมันหมดไวไปนิสหนึ่ง หากเรา Charge ให้ดีกว่านี้คงอยู่ได้นานกว่านี้แน่นอนเลย


พอมาถึงหัวลำโพง ผมมาถึงก่อนแฟนครับ เค้าติดฝนอยู่แถวสีลมยังออกมาไม่ได้ ผมก็เลยควัก macbook ขึ้นมาทำงานนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วก็นึกขึ้นได้ครับ ว่าเราเอา iPod มาลอง Charge กับ macbook ดูดีกว่า แต่ในใจคิดว่าไม่น่าจะได้ แล้วก็จริง ๆ ด้วยครับ มัน Charge ไม่ได้จริง ๆ เค้าฟ้องว่า USB ของเรานั้นไฟอ่อนเกินไป ทำให้ Charge ไม่ได้ ก็เลยกะว่าเอามา Charge ที่ true เลยแล้วกัน แต่พอกลับบ้านไปคิดไปคิดมาว่า macbook นั้นหากเราไม่ได้ต่อสาย Charge ไว้ เค้าจะประหยัดไฟโดยทำให้จอสว่างน้อยลง ผมก็เลยคิดมาได้ว่า USB ก็น่าจะเหมือนกัน ก็เลยลองต่อดู ปรากฏว่าได้แฮะ จริงดังว่าครับ เลยสบายตัวไปครับ เข้าวันรุ่งขึ้นก็เอามาฟังต่อได้จนถึง true ในเช้าวันรุ่งขึ้นครับ

เป็นไงครับหวังว่าพี่ ๆ น้อง ๆ คงได้อะไรติดไปคิดบ้างนะครับ แต่สำหรับผมการเอา iPod กลับไปบ้านมา 2 วันของผมนั้น ผมได้อะไรเพียบเลยครับ ผมรัก iPod ขึ้นเยอะเลยครับ อยากมีเป็นของตัวเองบ้างครับ ได้ความเท่ พก iPod ไปฟังที่ใหน ๆ ก็มีแต่คนมอง ได้บทความที่จะมาเขียนต่ออีกหลายบทความเลยครับ เพราะผมใช้ ๆ ไปก็เจอว่า เอมันน่าจะทำไอ้โน่น ไอ้นี่ได้ด้วยนะ ก็เลยลอง ๆ หาข้อมูลดู ปรากฏว่าเจอแฮะ สงสัยจะมีบทความต่อเนื่องมาอีกหลายบทความเลยครับ แต่วันนี้ขอลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ

PIKMY

Sunday, May 20, 2007

การแปลง VCD ลง iPod Version windows


สวัสดีครับ วันที่ผมเขียนบทความนี้ เป็นวันเสาร์ ที่ 19 พฤษภาคม ครับ วันนี้ผมได้สิทธ์พิเศษในการหยุดอยู่บ้าานครับ เพราะเมื่อวันพฤสบดีผมดันป่วยจนต้องโดนหามส่งโรงพยาบาลครับ ตอนนั้น ทุ่มกว่า ๆ ได้ครับ อยู่ ๆ อาการปวดหลังที่เป็นโรคประจำตัวของผมก็กำเริบ แล้วลามมาด้านหน้าตรงหน้าอก เรียกว่าถ้าหายใจเข้าลึก ๆ แล้วปวดมาเลย เล่นเอาพูดไม่ออก จนพี่ ๆ เค้าเรียกเจ้าหน้าที่ของ paragon มารับแล้วพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลตำรวจ ไปรอตรวจอยู่แป๊ปหนึ่ง หมอดูเป็นบ้าเลยครับ ผมบอกว่าผมนอนหงายไม่ได้เพราะเจ็บ เค้าก็ว่าไม่มีโรคใหนที่นอนหงายแล้วเจ็บ (ผมเถียงในใจครับ ว่าที่ผมเป็นไง ที่นอนไม่ได้) สักพักหมาใหญ่ก็มาตรวจครับ เค้าเอามือมากด ๆ ดูที่หน้าอกผม แล้ววินิจฉัยว่าเป็นกล้ามเนื้อและกระดูกอ่อนอักเสบ เพราะร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนไม่พอ และเครียดมากเกินไป แล้วให้ยามาชุดหนึ่งก่อนส่งกลับบ้าน เล่นเอาแทบแย่ครับ แต่ก็ยังไม่ตายครับ รอดมาเขียนบทความให้พี่ ๆ น้อง ๆ อ่านนี่ไงครับ

ในบทความที่เแล้วนั้นผมได้เขียนถึงบทความที่ใช้แปลง DVD ลง iPod ด้วย Acala ครับ ซึ่งเป็น Version windows ครับ ในวันนี้จะมาดูการแปลง VCD กันบ้างครับ เป็น Version windows เช่นเดิมครับ


ตัวโปรแกรมที่เราใช้เค้าชื่อ Allok Video to iPod Converter เป็นโปรแกรมที่หน้าตามดีและใช้ง่ายไม่ซับซ้อนดีครับ สามารถหา Download ได้ที่ http://www.alloksoft.com/ipodconverter.htm ตัวโปรแกรมเป็น Shareware ครับ ต้องเสียตังซื้อครับ หรือจะหาด้วยวิธีอื่นที่ถนัดก็ไม่ว่ากันครับ


เมื่อเราหามาได้แล้วก็นำมา install ให้เป็นที่เรียบร้อยครับ แล้วเราจะได้ icon หน้าตาเป็นดังรูปครับ แล้วเราก็ ดับเบิลคลิกเพื่อเปิดโปรแกรมครับ

ผมจะขออธิบายเป็นขั้น ๆ นะครับ เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจ ส่วนปุ่มใหนที่ไม่ได้เขียนอธิบาย ก็คงต้องลองกันเองครับ (แต่ไม่ยากครับ เพราะเกรงว่าหากเขียนเข้าไปด้วยเกรงจะยาวเกินไปครับ)

ปุ่มแรกที่ต้องกดก็เป็นปุ่ม Add ครับ เป็นรูป Folder ที่มี film โผล่ออกมาครับ

ตรงนี้เราก็ตองเลือกแล้วล่ะครับ ว่าจะเอา file ใหน แต่จะดสังเกตุนั้นก็คือ file ที่เป็นตัวหนังมักมีขนาดใหญ่ที่สุดครับ เดาไม่ยากครับ แล้วเมื่อเลือกได้ก็กดปุ่ม Open เราก็จะได้ file ที่เราต้องการจะแปลงแล้วครับ


ถัดลงมาเราก็มาเลือก output Folder ครับ โดยปกติเค้าจะไปอยู่ที่ Dirve C ใน folder AllokipodFolder ครับ แต่หากเป็นผมผมจะเอาไปไว้บน Desktop ครับ เพราะมันหาง่ายและลบง่ายครับ เพราะเมื่อเราเอา file หนังไปโยนใส่ iTunes แล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะ iTunes เค้าจะหาที่เก็บให้ ส่วนตันฉบับ ที่แปลงแล้วเราก็ลบทิ้งได้เลยครับ จะได้ไม่หนักเครื่อง

ส่วนต่อมาเป็น Output setting ครับ อันแรกเป็น Output Profile ครับ อันนี้เป็นค่าที่ตัวโปรแกรมตั้งไว้ใหนครับ เพื่อสะดวกต่อการเลือกคุณภาพของ file ครับ หาก file ย่ิงคุณภาพสูงเท่าไร ขนาดยิ่งใหญ่ตามไปด้วย แต่หากจะดูเอามันส์เราก็เลือกที่คุณภาพใหนสูงเข้าไว้ครับ เพราะผมเชื่อเหลือเกินครับ ว่าคนที่เล่น iPod video นั้น ไม่ช้าก็ต้องทำการ Backup file ไว้ที่ HD ที่บ้านเป็นแนครับ คงไม่มีใคร ที่จะเก็บไว้ที่ iPod อย่างเดียวแน่ครับ จึงเป็นการดีครับ หากเราจะแปลงไว้ในคุณภาพที่สูง ๆ เวลาเราดูผ่านจอ Pop up ในรถ หรือฟังฝ่านหูฟังดี ๆ มันจะมันส์มัก ๆ ครับ

ถัดมาด้านล่างนั้น เป็นการตั้งค่า Video Code ครับ แน่นอนเราก็ต้องตั้งไว้ที่ MPEG4 Codec ครับ

ต่อมาเป็นการตั้งค่า FreamRate ครับ อันนี้ตั้งให้เป็น 29.97 fps. ก็ได้ครับ เพราะเป็นค่าที่มนุษย์เห็นครับ รับรองไม่เห็นเป็นภาพกระตุกแน่นอนครับ


อันนี้หากเราเอาไว้ดูบน iPod เราตั้งไว้แค่ 320x..... เท่าไรนั้นเราดูจากแผ่นที่เราเอามาแปลงนันเป็นจอแบบใหน 16:9 หรือ 4:3 เราก็เลือกเอาครับ เพราะหนังแต่ละเรื่องนั้นใช้ขนาด film ไม่เท่ากันครับ แต่หากเราเอาไปดูบน จอ TV เราควรตั้งค่าไว้ที่ 640x..... ครับ เพราะจะทำให้เราดูผ่านจอ TV ระบบ PAL ที่ความละเอียด 786x576 ได้ไม่แตกมากนัก เรียกว่าดูได้สบาย ๆ ไม่น่าเกลียดอะไรครับ

อันนี้เป็นการเลือกช่องสัญญาณเสียงครับ เราเลือกเป็น 2 Chanel Stereo ครับ



สองอันนี้เป็น Video BitrateและAudio Bitrate เราไม่ต้องปรับอะไรครับ เพราะเราไปตั้งค่าข้างบนไว้แล้วครับ ตรง Profiles แต่หากใครต้องการปรับก็ไม่เป็นปัญหาครับ แบบภาพไม่เน้นมาก แต่ขอเสียงดี ๆ ก็ปรับเสียงให้มากหน่อย ก็ได้ครับ

เราตั้งค่า ไว้ที่ 44100 Hz กำลังดีครับ เพราะเป็นคุณภาพระดับเดียวกับ CD Audio เลยทีเดียว ครับ

เมื่อเราตั่งค่าเรียบร้อยแล้วเราก็ไปสั่งให้ตัวโปรแกรมทำการแปลง โดยการไปกดปุ่ม Convert ทางด้านบนขอโปรแกรมเป็นอันเรียบร้อยแล้วครับ ที่เหลือก็แค่รอให้ตัวโปรแกรมทำงานไปครับ

หลังจากแปลงเสร็จ อย่าลืม rename ชื่อหนังนะครับ แล้วก็เอาไปโยนไว้ใน iTunes ครับเป็นอันเสร็จสิน

เป็นไงบ้างครับ จุใจกันหรือเปล่าครับสำหรับบทความการแปลงหนังลง iPod ใน Version VCD ฝั่ง windows ครั้งหน้าจะเป็นของ mac บ้างนะครับ

สุดท่ายนี้หากพี่ ๆ น้อง ๆ ท่านใดมีข้อสงสัยอะไรสามารถ E-mail เข้ามาถามได้ตลอดเลยนะครับที่ pikmy.iloveipod@gmail.com ครับ

PIKMY

Tuesday, May 15, 2007

การแปลงหนังลง iPod Version Windows


สวัสดีครับ หายไปซะนานเลยครับ หลังจากที่เขียนบทความ การแปลงหนังลงใน iPod Version mac เสร็จแล้ว หลังจากนั้นก็ยุ่งมาตลอดเลยครับ stock ของร้านไม่เสร็จสักทีครับ เข้า ๆ ออก ๆ เป็นเหตุที่ทำให้บทความล่าช้าไปบ้างครับ (ไม่บ้างล่ะ เล่นห่างทีเป็นอาทิตย์ ๆ เลย รู้สึกผิดนะเนี่ย)

ตอนนี้หากพี่ ๆ หรือน้อง ๆ ที่เข้ามาเป็นประจำก็จะเห็นถึงความแตกต่างว่า เว็บของเรานั้นตอนนี้มี forum เป็นของต้วเองแล้วครับ แต่ยังไม่ค่อยมีคนไปโพสเท่าไรเลยครับ หากใครที่แวะเข้ามาก็ไปโพสทักทายกันได้ครับ ไม่ต้องรอมีคำถามก็ได้ครับ เพราะมี ห้องเฮฮาปาจิงโกะด้วยครับ สำหรับเรื่องไร้สาระอย่างเดียวครับ ไม่เน้นสาระครับ หากว่าง ๆ ก็ฝากแวะ ๆ ไปโพสกันด้วยนะครับ (ได้โปรดเต๊อะ)

OK มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ สำหรับโปรแกรมที่จะนำมาแนะนำในวันนี้นั้นเป็นโปรแกรมที่ใช้อยู่ใน windows ครับ สำหรับแฟน iPod ที่ใช้ windows โดยเฉพาะเลยครับ ในฝั่ง windows นั้นก็มีด้วยกันอยู่หลาย ๆ โปรแกรมครับ แต่ตัวที่จะแนะนำนี้นั้นคือ โปรแกรมชื่อ Acala DVD iPod Ripper ครับ สามารถหา Download ได้ที่ http://www.cutedvd.com/html/download.html แต่ต้องขอบอกก่อนนะครับ โปรแกรมตัวนี้นั้นเป็น Shareware ครับ (แปลว่าเสียตังครับ ไม่ใช่ของฟรี) หากใช้จะหามาใช้ก็สามารถที่จะซื้อผ่านเว็บของเค้าก็ได้ครับ หรือจะเป็นวิธีแปลก ๆ ก็สุดแล้วแต่จะหาได้ครับ


ขั้นแรกครับ เราก็นำเอาแผ่น DVD ใส่ไปใน Computer ของเราก่อนเลยครับ จากนั้นก็ไปดับเบิลคลิกที่ตัว icon Acala DVD iPod Ripper ครับ ไม่นานตัวโปรแกรมก็จะเปิดตัวเองขึ้นมาครับ


รูปข้าบนเป็นรูปหน้าตาของตัวโปรแกรมครับ

หลังจากเปิดมาครับ จากนั้นเราก็ไปคลิกที่รูปเครื่องหมาย + ครับ เป็นการโหลด DVD เข้าไปที่โปรแกรมครับ

จากนั้นเราก็มาดูการตั้งค่าทีละตัวครับ อันแรกนั้นเป็นการตั้งค่า Profile Setting ครับ เป็นการตั้งค่าของคุณภาพ file หนังที่เราจะแปลงออกมาครับ อันนี้เลือกไม่ยากครับ เราปรับไปเป็น normal ง่ายดีครับ เป็นค่ากลาง ๆ ดังชื่อครับ


ต่อมาเป็นการปรับ Fream Size ครับ อันนี้มีจุดที่ต้องพิจารณาครับ ว่าเราจะต้องเลือกปรับแบบใหน ซึ่งเรื่่องของการเลือกขนาดของจอนั้น จะไม่ขอเล่าต่อ ขอให้ไปอ่านบทความย้อนหลังเรื่อง Resolution นั้นสำคัญไฉน ครับ แต่ตัวโปรแกรมตัวนี้นั้นเค้าบังคับตัว Fream Size ของจอครับ คราวนี้เราก็ต้องมาเลือกกันแล้วครับ ว่าจะต้องการแปลงหนังให้ออกมาเป็นจอแบบใหนครับ ทั้งแบบ 4:3 และ 16:9 โดยมีจุดสังเกตุครับ ว่า Fream size ที่เราเลือกนั้นจะออกมาเป็นแบบใหน ให้เราดูด้านท้ายของตัว ขนาดจอ เมื่อตัวเลขด้านหน้ามีค่าเท่ากันเช่น 320 ค่าข้างหลัง นั้น หากมีค่าน้อยกว่า เช่น 320x180 จะเป็นจอแบบ 16:9 และตัวเลขที่มากกว่า อย่างเช่น 320x230 จะเป็นจอแบบ 4:3 หรือแบบจอทีวีธรรมดาไม่ใช่จอ widescreen นั้นเอง

ถัดมานั้นเป็น Video Freame Rate ตรงนี้ไม่ยากครับ เราปรับเป็น 29.97 ได้เลยครับ อันนี้เป็นระดับที่ตาเรามองภาพพอดีครับ รับรองภาพไม่กระตุกครับ หากมีค่าน้อย ๆ นั้น จะทำให้เราเห็นเป็นภาพที่กระตุกครับ เพราะตาเราจะมองทัน เห็นเป็นเฟรม ๆ ทำให้เรามองว่าภาพกระตุกครับ แต่หากเราตั่งค่าไปในค่าที่ใกล้เคียงกับตาเราหรือสูงกว่านั้นก็จะทำให้เรามองออกมาไม่กระตุุกครับ




ต่อมาเป็นค่า Video Bitrate และ Audio Bitrate ซึ่งตรงนี้นั้นเราไม่ต้องตั้งก็ได้เพราะเราได้ตั้งไปด้านหน้าแล้วตรง profile ด้านบนเราได้ตั้งไปแล้ว วึ่งเป็นธรรมดา หากเราตั้งค่าสูงกว่าคุณภาพก็จะสูงตามไปด้วยแต่ นั้นก็จะทำให้ขนาดของ File ใหญ่ขึ้นตามมาด้วยเช่นเดียวกัน

อันต่อมานี้เป็นการตั้งค่าหน้าจอว่าจะเป็นแบบ 4:3 แบบ TV ทั่วไปหรือจะเป็น 16:9 แบบ TV จอ widescreen อันนี้เราจะตั้งค่าแบบใหนก็ขึ้นอยู่กับหนังแล้วล่ะครับ ว่ามาเป็นแบบใหน เพราะหากหนังที่มีเป็น 4:3 เราไปโกงเป็น 16:9 ภาพเค้าก็จะออกมาอ้วน ๆ ไม่สมส่วน และเช่นเดียวกันหากเราไปปรับ 16:9 เป็น 4:3 ก็จะทำให้ภาพผิดส่วนเช่นกัน ตรงนี้ผมเห็นหลาย ๆ คนชอบทำให้ภาพออกมาเต็มจอ จะได้ดูสะใจ แต่ภาพท่ี่โกงเค้านั้นจะทำให้ภาพผิดส่วนไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม


อันนี้เป็นช่องให้เราไปเลือกว่าเมื่อ file ที่เราแปลงเสร็จแล้วจะให้เค้าไปอยู่ที่ใหน โดยมากผมจะเก็บไว้ที่ desktop ซะส่วนมากครับ เพราะเห็นได้ง่ายจะโยกย้ายไปใหนก็สะดวกครับ เพราะถ้าเราจะเก็บไว้ในเครื่อง computer ของเราผมจะโยนเข้าไปใน iTunes ครับแล้วตัวโปรแกรมเค้าจะหาที่เก็บให้เราเองครับ หรือจะเก็บเข้าไปที่ External HD ก็จะเอาไปโยนเข้า HD โดยผ่าย my computer ครับเมื่อเสร็จแล้วเราก็จะสามารถลบออกได้อย่างง่ายดายครับ ไม่ต้องไปคนหากให้มันยากเย็น จะได้ไม่ต้องมี file ตัวเดียวกันอยู่หลาย ๆ ที่ในเครื่องเดียวกันให้เปลืองเนื้อที่ HD


ต่อมาเป็นจุดสำคัญ แล้วล่ะคับ เป็นการเลือกว่าเราจะเลือกว่าจะให้ title ใหน เป็น title ที่เราจะแปลง แต่ตัวโปรแกรมเค้าจะฉลาดครับ เค้าจะเลือกให้เราเองอัตโนมัติครับ เราไม่ต้องไปเลือกให้มันยุ่งยากครับ แต่หากเป็นแผ่นบางแผ่น อย่างเช่น การ์ตูนของ พิกซ่า นั้นเค้ามักจะมีการ์ตูนเรื่องสั่น ๆ เป็น ให้เราดู ซึ่งเป็นการ์ตูนที่เรามักจะเห็นตอนก่อนดูหนัง ไม่ว่าจะเป็นในแผ่นหรือไปดูในโรงก็ตามครับ หากเราต้องการเลือกการ์ตูนเรื่องนั้น ๆ ออกมาเราก็ต้องไปเลือกเองครับ เพราะโดยปกตินั้น โปรแกรมเค้าจะเลือกเอา title ที่มีขนาดความยาวมากที่สุด เพราะเป็นตัวหนังครับ แต่การ์ตูนที่ว่านั้นเค้าจะสั้นกว่าครับ ทำให้เราต้องไปเลือกเองครับ


เมื่อเลือก Title ได้แล้วนั้น เราก็มาเลือก ว่าจะให้หนังเรื่องนี้พูดเป็นภาษาอะไร และมี subtitle มั๊ย หรือเป็นภาษาอะไรในช่องถัดมาครับ

จากนั้นเมื่อเลือกเสร็จแล้วก็ไปกดเครื่องหมาย Play ด้านล่างได้เลยครับ เค้าก็จะทำการแปลงหนังให้เราครับ คราวนี้ก็รออย่างเดียวครับ จะเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับความแรงของ computer ของเราแล้วล่ะครับ ว่าเค้าจะช้าหรือเร็วมากน้อยเพียงใหน

เมื่อเสร็จแล้วเราก็ลองมาเปิดเล่นดูสักรอบหนึ่งก่อนว่า OK มั๊ย เมื่อเรียบร้อยแล้วเราก็เอาเค้าไปโยนใน iTunes เป็นอันเรียบร้อยครับ

เสร็จไปอีกเรื่องครับ สำหรับบทความการแปลงหนัง DVD ลงใน iPod ภาค windows ครับ อาจจะออกมาช้าไปบ้างครับ แต่ก็หวังว่าจะเต็มอิ่มสำหรับหลาย ๆ คนที่รออ่านนะครับ แถมทิ้งท้ายนิดหนึ่งครับ จริง ๆ แล้วโปรแกรมประเภทนี้นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายตัวครับ เช่น CuCusoft,Handbrake,Videora iPodo Converter ซึ่งตามร้านแต่ละร้านนั้นจะแนะนำกันอยู่ไม่หลายโปรแกรมมากนัก แต่ที่ผมลอง ๆ ดูแล้วนั้นคิดว่าตัวนี้เข้าใจง่ายและเข้าท่าสุดครับ บางตัวมันดูแล้วมันง่ายไปทำให้บางทีเราดูแล้วไม่เข้าในและไม่เป็นการพัฒนาความรู้เราด้วยครับ กับบางตัวก็ Advance ซะ เห็นแล้วมึนตึ๊บ ไม่รู้จะปรับอะไรก่อนดี แต่ตัวที่ผมเอามา Review ให้นั้นเป็นตัวที่คิดว่ากำลังดีที่สุดครับ ใช้ง่ายและมี Feature ที่จำเป็นครบครับ หากใช้ Acala เป็นแล้วคิดว่าหากจะขยับไปใช้ตัวอื่นที่ยากแต่ละเอียดกว่านี้จะสบายมากครับ ผมมองว่ามันเป็นการปูพื้นฐานที่ดีครับ

สำหรับบทความนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ก่อนครับ หากมาข้อติชม หรือแนะนำ กระผมยินดีรับฟังและพร้อมที่จะนำไปปฏิบัติตามครับ หากเป็นเรื่องที่ดีก็ยินดีอย่างยิ่งครับ เพราะให้บทความและเว็บของเราทุกคนสมบูรณ์และน่าอยู่ที่สุดครับ และหากพี่ ๆ น้อง ๆ ท่านใดสนใจอย่ากเขียนบทความมาแบ่งให้คนอื่น ๆ อ่านเพื่อเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ก็สามารถที่จะเขียนและส่งเข้ามาได้นะครับ ตาม E-mail: pikmy.iloveipod@gmail.com ได้นะครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

PIKMY

Wednesday, May 02, 2007

ประกาศแถลงการจาก คณะ iLoveiPod ฉบับที่ 1

เนื่องมาจากได้ครับคำติมาจากลูกค้าและเพื่อน ๆ พี่ ๆ หลายท่านว่า เว็บนั้นใช้งานยาก โพสยาก เลยทำให้ไม่ค่อยมีคนมาโพสกัน จนทำให้เหมือนจะเป็นการคุยอยู่คนเดียว

ดังนี้คณะ iLoveiPod จึงเห็นสมควรว่าเราควรจะมี forum เป็นของตัวเองสักที เพื่อเป็นประโยชน์กับพี่ ๆ น้อง ๆ ที่รัก iPod ทุกท่าน จึงได้อัญเชิญ iLoveiPod forum เข้ามาสิงสถิตย์อยู่ในเว็บดังรูป


หากพี่ ๆ น้อง ๆ ท่านใดและเวียนเข้ามาอ่านบทความแล้วเกิดข้อสงสัยก็สามารถและเข้ามาโพสถามได้ที่ iLoveiPod Forum ได้ตลอดเวลาครับ รับรองเราจะไม่ละเลยทุกคำถามของทุก ๆ ท่านครับ แต่หากใครเห็นว่าพอช่วย ๆ กันได้จะช่วยตอบก็เห็นเป็นพระคุณอย่างย่ิงครับ

PIKMY

Tuesday, May 01, 2007

ดูหนัง DVD ใน iPod ง่ายนิดเดียว


สวัสดีครับ ในที่สุดก็ได้ออกมาสักทีครับ หลังจากที่ผลัดไปทีหนึ่งแล้ว สำหรับบทความ การแปลงหนังจากแผ่น DVD ลงใน iPod ซึ่งหลาย ๆ คนคิดว่ายาก (่ยอมรับครับว่า ตอนแรก ๆ ผมก็คิดอย่างนั้นครับ) แต่หากได้ลองมาเล่นจริง ๆ แล้วนั้น มันง่ายกว่าที่คิดมากครับครับ แต่ที่ผมติดค้างไว้ก่อนเมื่อบทความที่แล้ว ก็เนื่องมาจากผมมีโปรแกรมอยู่ในมือหลายตัวครับ (สำหรับ windows) แต่เมื่อลองเล่นดูแล้วตัว ตัวทีคิดว่าน่าจะดี ดันไม่เวอร์แฮะ เลยเอาเวลาเมื่อ (วันที่ 25 เมษายน 2550) คืนทั้งคืนลองมันทุกตัว จะได้รู้ว่าไผเป็นไผ และก็ได้ผู้ชนะมาดังต่อไปนี้ครับ

ก่อนอื่นผมขอเริ่มก่อนครับ ที่ฝั่งของ mac ก่อนครับ โปรแกรมที่ผมเลือกมานั้นคือ HandBrake ครับ ตอนนี้มาถึง Version 0.8.5b1 ยาวจัง เจ้าโปรแกรม HandBrake นี่ผมเล่นมาตั้งแต่ version เก่าแล้วครับ เป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่ายมากไม่ต้องเรียนรู้อะไรมากครับ เพราะความเข้าใจง่ายของเค้าเลยเป็นเหตุให้คนที่ใช้ mac นั้นเลือกที่จะใช้ HandBrake กันมากครับ และที่สำคัญเป็น Freeware ครับ สามารถหาก Download มาใช้ได้ที่ http://handbrake.m0k.org/ ครับ มีที่ Version ที่เป็น mac และ windows ครับ แต่ Version ผลลองแล้วมันไม่ค่อย work ครับ เลยไม่ติดโผฝั่ง windows ครับ

OK มาเริ่มกันเลยครับ สิ่งที่เราจะต้องมีครับ คือ 1. แผ่น DVD ที่เราต้องการจะเอามาดูใน iPod ของเราครับ 2. โปรแกรม BandBrake 3. คอมพิวเตอร์ mac รุ่นใหนก็ได้ครับที่ DVD Drive ครับ

ขึ้นแรกครับ เราก็นำเอาแผ่น DVD ที่ต้องการแปลงนั้นส่งเข้าไปใน Computer ครับ จากนั้นก็เปิดโปรแกรมขึ้นมา โดยไปคลิกที่ icom ของโปรแกรม BandBrake ไม่นานตัวโปรแกรมก็จะเปิดขึ้นมา

เมื่อเปิดมาได้แล้ว ตัวโปรแกรมจะถามหาแหล่งโปรแกรมครับ เราในตอนแรกได้ใส่แผ่น DVD ไปแล้ว ก็เพียงแค่ กด Open ก็ใช้ได้แล้วครับ

หลังจากโหลดแผ่นเสร็จเรียบร้อย ตัวโปรแกรม ก็จะเข้าสู่หน้าของการตั้งค่าครับ คราวนี้ก็ทำตามที่ผมบอกทีละขั้นได้เลยครับ รับรองไม่ยากแน่นอนครับ แต่หากต้องการอะไรที่มัน Advance ก็หลังไมค์ได้ครับ

ริ่มแรกเราไปที่ Sidebar ด้านขวามือ ตามหมายเลข 1 ครับ หากเปิดโปรแกรมแล้วยังไม่มี sidebar ที่ว่าก็มองที่มุมบนขวามือครับ จะมีปุ่มที่เขียนว่า Presets ไว้อยู่ครับ คลิกไปแล้วก็จะปรากฏ sidebar ที่ว่าออกมาครับ แล้วเราก็เลือกไปที่ HB-iPod ครับ หากต้องการให้หนังออกมาพอดีจอ iPod เป๊ะ แต่หากเป็นหนังซึ่งเป็นจอ widescreen (16:9) ไม่แนะนำอย่างย่ิงครับ เพราะหากเลือกไปแล้วตัวโปรแกรมเค้าจะบังคับให้จอเราจากเดิ่มที่เป็น 16:9 กลายเป็น 4:3 ทำให้ภาพออกมาผิดส่วน ซึ่งเป็น Preset ของระบบที่ตั้งไว้สำหรับให้ fit กับ iPod โดยเฉพาะครับ แต่หากต้องการรู้เรื่องการตั้งค่าจอมากกว่านี้หลังไมค์ได้ครับ

ต่อมาเราไปดูครับ ตรงหมายเลข 2 ครับ อันนี้ไม่ต้องไปคลิกอะไรครับ เพราะปกติโปรแกรมเค้าจะเลือก chapter ที่เป็นตัวหนังไว้ให้แล้วครับ สังเกตุง่าย ๆ ครับก็อันใหนเวลาเยอะที่สุดก็อันนั้นล่ะครับ แต่หากจะเลือกเอาช่วงตอนพิเศษหนังก็ต้องเลือกเอาเองล่ะครับ

อันถัดมาครับ เป็น Destination ครับ หรือหมายเลข 3 นั้นเอง ซึ่งจะบอกว่าหนังเมื่อแปลงแล้วจะไปเก็บไว้ที่ไหน โดยมากมักจะเอาไปไว้ที่ Desktop ครับ และตรงท้ายจะเป็นชื่อของหนังที่เราแปลงครับ เค้าจะยึดเอาตามที่แผ่นบันทึกมา แต่บางแผ่นก็ขึ้นอย่างอื่นครับ หากต้องการ Rename ก็ตรงนี้ได้เลยครับ แก้ตรงชื่อที่อยู่ด้านหน้า .mp4 ได้เลยครับ

อันต่อมาครับ หากเราต้องการย้ายที่อยู่เค้าไปไว้ที่อื่นนอกจาก Desktop ก็คลิกตรงปุ่ม Browse (หมายเลข 4 ) นี้ได้เลยครับ จะปรากฏ Dialog Box ขึ้นมาให้เลือกว่าจะให้เค้าเอาหนังไปเก็บไว้ที่ใหนครับ เมื่อเลือกได้แล้วก็กด OK

เมืื่อเราได้การตั้งค่า Chapter ,Location ที่จะเอา file และ Video (ในตอนแรกจะไม่แนะนำให้ไปแก้อะไรมากนักอันนี้หากสนใจจริง ๆ หลังไมค์ได้ครับ กลัวคนอื่น ๆ จะงงครับ) มาแล้ว หลังจากนั้นเรามาต่อกันด้วยการตั้งค่าของ Audio ครับ

โดยไปคลิกตรง tab ตามหมายเลข 5 ครับ จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นหน้าของ Audio ตามรูปต่อไปครับ

ในหน้านี้เป็นหน้าที่เกี่ยวกับการตั่งค่า Audio อันที่ต้องดูมีอันเดียวครับ (หมายเลข 6) อันนี้เรียนว่าสำคัญครับ (เรียนว่าสำคัญสำหรับผมครับ ที่ภาษาอังกฤษ ไม่ค่อยแข็งแรง) ตรงนี้จะเป็น Sound track ครับ จะมีให้เลือก 1 กับ 2 ให้เราเลือกตั้งค่าที่ Track 1 อย่างเดียวครับ เป็นภาษาที่ต้องการให้หนังเรื่องนี้พูด เอาสักภาษาครับ แต่ผมเคยลองแล้วครับ ตั้งค่าให้ 2 Track พร้อมกัน และคนละภาษา หวังว่าอาจจะเลือกได้ว่าเอาภาษาใหนก็ได้ แต่ผลปรากฏว่า ฮาสิครับ หน้าเรื่องเดียวพูดสองภาษาพร้อมกัน หากใครคิดอยากฝึกแยกประสาทก็ลองดูได้ครับ แต่ผมขอผ่าน ประสาทจะกินเอาครับ

สุดท้าย เมื่อเราตั้งค่าเสร็จแล้วก็ไปคลิก Start ครับ ตามหมายเลข 7 เค้าก็จะเริ่มทำการ Convert หนัง DVD ให้เราครับ หลังจากนั้นก็รอกับรอครับ หากเครื่องใครแรงก็เร็วหน่อยแต่หากเครื่องใครไม่แรงก็รอไปนานนิดหนึ่งครับ

แต่สำหรับหลาย ๆ คนไม่ชอบทำเอง เอาไว้โอกาสหน้าผมจะหาข้อมูลมาให้ว่าเราจะสามารถหาซื้อหนังได้จากที่ใหนได้บ้าง โดยไม่ต้องมานั้งแปลงเองมาฝาก วันนี้สำหรับการแปลงหนังจาก DVD บนเครื่อง mac ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ก่อนครับ พบกันตอนต่อไปเรื่องการแปลงหนัง DVD บนเครื่อง Windows สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

PIKMY