Wednesday, March 21, 2007

เลือก iPod อย่างไร ให้ถูกใจเรา


สวัสดีครับ สืบเนื่องจากเมื่อวันก่อน ผมได้เจอกับคณลูกค้ารายหนึง ตอนนั้นผมกำลังเช็ดตูกระจกด้านหูฟังอยู่ ก็เห็นเค้ามายืนจด ๆ จอง ๆ มองตู้ iPod ของผมอยู่ (ในใจคิด ลูกค้ามาแล้ว) ด้วยความดีใจ จึงแอบเรียบ ๆเคียง ๆ เข้าไปโดยไม่ให้เค้ารู้สึกตัว

แล้วเอยถามไปว่า "ใช้รุ่นใหนอยู่หรือยังครับ"

คุณลูกค้าคนนี้อายุราว ๆ แม่ผม ก็ยิ้มแล้วตอบมาว่า "อ๋อยังไม่ได้ใช้อะไรเลย"

ผมก็เลยรีบแย็บออกไปว่า "อื่ม... อย่างนี้ต้องหาไว้ช้แล้วนะครับ"

คุณพี่เค้าก็ยิ้มแล้วตอบออกมาว่า "ก็ว่าจะหาอยู่เหมือนกัน ลูก ๆ ก็รบเร้าให้ซื้อ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรทำอะไรได้กันแน่"

ตัวผมเมื่อเจอลูกค้า ชงมาอย่างนี้ก็เลยอธิบายไปตาม step เลยครับ ตั้งแต่ cd ไปก่อนเลยครับ จน mp3 ,mp4 เรื่อยมาว่าจริง ๆ แล้วเจัาเครื่องเล่นจำพวกนี้นั้นเค้าเกิดมาเพื่อการใด เหมาะกับใคร คุณพี่เค้า แรก ๆ ก็ทำหน้างง ทันบ้าง ไม่ทันบ้าง แต่ก็ทนฟังผม อธิบายจนจบ ไปได้ด้วยดี

เมื่อจบแล้วผมก็เลยถามว่า "คุณพี่เข้าใจแล้วใช่มั๊ยครับ ว่ามันเป็นเยี่ยงไร"
คุณพี่ก็พยักหน้าเขาใจ แล้วก็ถามผมตอไปว่าแล้วจะเลื่อกอย่างไรให้ถูกใจ ถูกเงินของคนซื้อ"

เอาล่ะสิ งานนี้ตัวแปรเยอะเลยครับ ตัวผมเห็นว่ายาวแน่เพราะเป็นเรื่องที่คนซื้อเองต้องทำการบ้านแล้วล่ะ ว่าตัวเองต้องการอะไร แล้วจะนำ iPod ไปทำอะไรบ้าง เลยเป็นที่มาของบทความนี้

การแบ่งประกลุ่มของคคนที่ใช้ iPod แต่ละรุ่นนั้นจะขอแบ่งออกตามการใช้งานเป็นหลักครับ โดยไม่สนงบประมาณ เพราะตรงนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจครับ คำแนะนำไม่ค่อมมีผลเท่าไรครับ

iPod นั้นแบ่งออกเป็น 3 series ครับ คือ iPod ,iPod nano และ iPod shuffle ครับ


ขอเริ่มที่ iPod shuffle ก่อนครับ เรียงจากเล็กไปหาใหญ่
iPod shuffle นั้น ถูกออกแบบมาสำหรับคนที่ต้องการมีเสียงเพลงเป็นเพื่อนขณะเดินทาง โดยเน้นที่น้ำหนักตัวที่เบา ความง่ายดายในการใช้งาน ความสะดวกในการพกพา (Clip and G0) และสวยงาม ซึ่งจะเหมาะมาก ๆ กับคนที่เดินทางบ่อย ๆ ไม่สนใจเรื่องการมานั่งเลือกเพลง ตรงนี้หากจะจัดกลุ่มก็คงเป็น คนทำงาน office ทั้งหลายที่เวลาระหว่างวันนั้นแสนจะรีบเร่่ง นักกีฬาหรือคนรักสุขภาพทั้งหลายที่่หูว่างจากเสียงเพลงนาน ๆ ไม่ได้ (่จะลงแดงตาย) วิ่งไปฟังเพลงไป ตีไปหนึบไป (Clip) เก๋จะตายไป และอีกกลุ่มคนที่ลืมไปไม่ได้เลยคือวันรุ่นทั้งหลายเนื่องด้วยหน้าตามของเจ้า shuffle ที่ อุ๊ย..น่่ารักจัง เล็กนิดเดียวเอง (เอามาจากประโยคที่ลูกค้าที่เห็นครั้งแรกพูดบ่อย ๆ ครับ) shuffle อันนี้เห็นน้อง ๆ แถวสยามพกกันเยอะครับ (เห็นตอนเดินกลับบ้านครับ เดี๋ยวจะหาว่าโดนงานไม่เฝ้าร้านไปเดินเหร่สาวที่สยาม)

สรุปเป็น หากต้องการเก๋ ๆ เล็ก ๆ พกสะดวก ไม่จำเป็นต้องเลือกเพลง ปล่อยให้ shuffle จัดการเป็น dj ส่วนตัวให้เราเอง ล่ะก็ iPod shuffle จัดว่าเป็นเพื่อนคู่หูที่เหมาะกับเราที่สุดเลยครับ


แต่หาก 240 เพลงไม่พอ ของฉันต้อง 1,000 เพลง ต้อง iPod nano เลยครับ เจ้าตัวนี้เป็นเพื่อนที่ดีของคนที่รักการฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่ต้องการพกของหนักมาก และอยากมีรูปติดไปดูด้วยแก้เหงาระหว่างเดินทางไปใหนไกล ๆ (แบต อยู่ได้ตั้ง 24 ชั่วโมงแน่ะ) ขนาดที่เล็ก จุเพลงมาก สามารถเลือกเพลงได้ (แต่ยังมีฟังชั่น shuffle สำหรับ DJ ส่วนตัวอยู่) อันนี้ก็เหมาะกับเรามาก (คนเลือกมาก)

สำหรับคนที่เหมาะ จะนำ iPod nano ไปเป็นเพื่อนแก้เหงานั้น ค่อนข้างกว้าง เพราะขนาดไม่ใหญ่มาก ความจุเยอะ (2,4 และ 8GB) จะเอาไปเก็บงานแทน flash drive ก็ได้ (เห็นทำกันเยอะนะครับ บางคนถึงกับเอาไปลงโปรแกรมเลยครับ จำพวกโปรแกรท portable ทั้งหลาย Photoshop ยังมีเลย ผมก็เคยเล่น) น้ำหนักที่เบา เวลานำไปออกกำลังกายด้วยเช่นวิ่ง เล่นฟิตเนส ก็ได้ ถึงขนาดมีการออก product ร่วมกันระหว่าง nike กับ iPod เลยครับ

nike+iPod เป็นรองเท่าที่ติด sensor ไว้คอยจับก้าวการวิ่งของเรา ระยะเวลา แล้วนำมาคำนวนว่าเรานั้นเผาผลาน พลังงานไปเท่าไรแล้ว และยังสามารถนำขึ้นเว็บไซท์เพื่อไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ ก็ได้ จะนำไปเป็นเฟอร์นิเจอร์ (เครื่องประดับครับ ไม่ใช่ที่่รองขาตูักับข้าว) ก็ดีครับ เพราะเค้ามีให้เราเลือกตั้ง 6 สี ทำให้เราสามารถนำมา match กับเครื่องประดับหรือการแต่งตัวของเราก็ได้ครับ สวยดี แถมยังไฮโซ อีกด้วย


สุดท้ายกับ iPod (บ้านเราเรียก iPod Video) มีสองความจุ 30GB กับ 80GB ซึ่งมากโขอยู๋ เรื่องความจะนั้นคงไม่ต้องอธิบายกันมากครับ เคยมีลูกค้าเอา iPod 80GB มาอวดครับ เค้าบอกว่าเค้ามีเพลงตั้งแต่เค้าเริ่มสนใจฟังเพลง จนตอนนี้ อายุ 28 เข้าไปแล้ว เกือบครบ (เฉพาะที่เค้าชอบฟังนะครับ) เรียกว่าเกิดอยากฟังเพลงใหน ได้เลยป๋าจัดให้ มีครับมีหมด ผมลองสุ่มเล่น ๆ มีเพียบครับ อย่าง bakery มีแทบหมดค่ายครับ (พี่บอยเห็นคงเป็นปลื้ม) พอถามเรื่องหนังเค้าบอกว่ามีไม่เยอะครับ แสดงให้เห็นว่าเจ้า iPod นั้นนับเป็นสุดยอด jukebox ของเราเลยครับ ค้นหาก็ง่าย จะเก็บเยอะก็ได้ เหมาะจริง ๆ สำหรับ นักฟังเพลงตัวยง

ถ้าพูดถึงนักฟังเพลงล่ะกํคงจะละเลยนักเล่นเครื่องเสียไปไม่ได้เป็นอันขาดครับเพราะป๋า ๆ เค้าก็มีหลาย ๆ ท่านที่เอา iPod ไปเป็นแหล่งสัญญาณ ครับ


จะนำไปใช้กับเครื่องเสียงบ้านแล้วใช้สายดี ๆ เช่น monster cable,kimber cable,merrex cable,tributary หรือจะเล่นหิ่งไปเล่น Nordost ก็มีคนเล่นมาแล้ว (ยังไม่เคยเห็นตัวเป็น ๆ แต่เคยเห็นในหนังสือ ใครอยากเห็นสายตัวนี้ตัวเป็น ๆ ราคาเส้นล่ะ 10,000 บาทขาดตัว ไปดูได้ที่ Deco ที่ siam discovery ได้ครับ) อันนี้เป็นส่วนของเครื่องเสียงบ้านครับ ส่วนคนที่จะนำไปเล่นกับเครื่งเสียงรถยนต์ก็มีครับ อันนี้เห็นบ่อยถึงบ่อยมาก การเอาไปเล่นในรถนั้น ถ้าจะให้คุณภาพเสียงดีในระดับที่นักฟังพอใจได้นั้น คงต้องใช้สายครับ ใช่เป็น fm transmitter ไม่ดีแน่ครับ เพราะเราต้องไปกลัวกับย่านที่มีอยู่แล้วเข้ามากวน ใหนรถบางคันติดเสาอากาศไว้ในรถหรือตรงกระจกรถก็ใช้ได้ไม่ดีอีก สายชัวร์สุดครับ ถ้าเล่นในรถควรเน้นายที่เค้า ชีลมาดี ๆ หน่อยครับ ในรถตัวกวนเพียบครับ


อีกกลุ่มครับ อันนี้จะทำเป็นลืมไปไม่ได้เป็นอันขาด เกิดพี่ ๆ เค้าอ่านเจอว่าลิมพวกเค้าไปเรื่องใหญ่เลยครับ คือกลุ่มที่เป็นนักเล่นและนิยมใช้หูฟังดี ๆ หลัง ๆ นี้เริ่มเห็นเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ครับ จังเกตุว่าร้านขายหูฟังหรืออุปกรณ์เกี่ยวกับหูฟัง เค้าเริ่มมีสินค้ามาสต็อกมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นไปตามกลไกตลาดครับ (ดีมาน ซัพพลาย เดี๋ยวถามว่ากลไกอะไรฟะ) หูฟังที่เป็นที่รู้จักนั้นมีหลายยี่ห้อครับ ตั้งแต่เป็น mass เช่น sony,panasonic,philips เป็นต้น เอาว่าเป็นยี่ห้อที่คุ้น ๆ หูแล้วเค้าทำสินค้าเยอะแยะไปหมดตั้งแต่ tv ไปยัน โทรศัพท์ ครับ อันนี้เรียนไว้ครับ ว่าไม่ใช่ของเค้าไม่ดีครับ หลาย ๆ ตัวเสียงใช้ได้เลยครับ สวยด้วย แต่หากเป็นยี่ห้อที่ไม่ใช่ mass นั้นเค้ามีการทำ R&D มาอย่างต่อเนื่องครับ เลยทำให้สินค้าของเรามีเทคโนโลยีที่สูงกว่า และพิถีพิถันในการทำมากกว่าในหลาย ๆ รุ่นและหลาย ๆ ยี่ห้อ ยกตัวอย่าง ยี่ห้อ Shure นั้นหากไปดูในเว็บของเค้า จะเห็นว่ามีเอาสารสอนการใช้หูฟังของเค้าเป็นรายรุ่น ๆ ไปด้วยซึ่งทำให้เห็นถึงความตังใจในการออกแบบของวิศวะกรของบริษัทนั้น ๆ หลาย ๆ รายนั้นทำหูฟังหรืออุปการณ์เกียวกับเครื่องเสียงมานานมาก ๆ แล้ว จึงเอาไปเปรียบกับยี่ห้อที่เป็น mass ไม่ได้ครับ กระดูกคนละพ.ศ. ครับ ร่ายมาซะยาวเลยครับ สำหรับกลุ่มที่นิยมเล่นหูฟังนั้นมีมากขึ้นมากครับ เป็นการลงทุนให้เสียงที่เราฟังดีขึ้นโดยที่ไม่ต้องลงทุนมากมายนัก หูฟังราคาแค่ 7,000 กว่า ๆ หากไปเทียบกับลำโพงราคเท่ากัน เสียงฟัากับเหวเลยครับ ลำโพงกระจอกไปเลยครับ อันนี้เรื่องจริงครับ ไปหาลองดูได้ครับ ผมเจอมากับตัว

และอีกกลุ่มที่นำ iPod ไปดูหนังนั้นก็มีอยู่พอตัวครับ หนังที่เอาไปดูนั้นก็มีอยู่หลายแหล่งครับ จะซื้อผ่าน iTunes store หรือจะ Rip โดย software ทั้งหลายก็ได้ครับ iPod 30GB ตัวหนึ่งสามารถเก็บหนังได้ประมาณ 27 เรื่องครับ ตกเรื่องละกิ๊กกว่า ๆ ครับแล้วแต่ความยาวของหนังด้วยครับ

หนังนั้นหลายคนเอาไปดูในรถเวลาขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล ๆ (คนนั่งได้ดูแต่คนขับเจ้าของรถมักไม่ได้ดู) หรือเอาไปดูในโรงแรมหากเกิดเบื่อ true vision เอาไปดูบ้านเพื่อนตอนไปอ่านหนังสือสอบ แต่ที่เก๋ครับ ผมเห็นเพื่อคนหนึ่งเค้าเอา karaoke ติดไปรองงานวันเกิดเพื่อนอีกคนหนึ่งครับ มีเป็นร้อยเพลงไม่ต้องง้อแผ่นกับ DVD ครับ แจ๋วมากครับ

เป็นไงครับ เขียนมาซะยาวยืดเลยครับ คงพอจะเป็นไอเดียให้หลาย ๆ ท่านที่กำลังสับสนว่าจะเลือก iPod รุ่นใหนให้กับตัวเองครับ อย่าลืมครับ เราต้องตั้งโจทษ์ก่อนครับ ว่าเราต้องการนำ iPod ไปทำอะไรกันแน่ครับ เลือกให้ตรงแล้วเราจะใช้ iPod ได้อย่างสนุก และเต็มประสิทธิ์ภาพครับ

PIKMY

No comments: